เมื่อวันที่ 15 พ.ค. น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหา ณรงค์ให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19 ว่า ในจังหวัดกระบี่สถานการณ์น่าเป็นห่วง จากการลงพื้นที่ตำบลเหนือคลอง และคลองท่อม ร่วมกับ นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ และนายธนวัช ภูเก้าล้วน และได้ ร่วมประชุมกับ รพ.สต. และ อสม.ในหมู่บ้าน พบว่าในบางหมู่บ้าน การลงทะเบียนมีเพียงร้อยละ 16 เท่านั้น จึงต้องเร่งกระชับพื้นที่สร้างความเข้าใจ เพิ่มจำนวนการลงทะเบียนโควิคอย่างเร่งด่วน ในทางกลับกันได้ยินข่าวมาจากในจังหวัดว่าวัคซีนสำหรับเดือน มิถุนายน ที่ขอมาจาก 150,000โดส จะเหลือเพียงแค่ 50,000โดส คือหนึ่งในสาม ถือว่ามีปัญหา 2 อย่างพร้อมกันคือจำนวนประชาชนลงทะเบียนจองวัคซีนน้อยขณะเดียวกันแผนกระจายวัคซีน ที่รัฐบาลต้องจัดสรรให้จังหวัดต่างๆไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
“เป็นความล้มเหลว ของการประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลของสื่อส่วนกลาง ทำให้ประชาชนมีความกลัวและขาดความมั่นใจ รัฐต้องพูดความจริงกับประชาชน และระดมให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การออกมาพูดคนละทิศคนละทางจากสื่อต่างๆ ในสภาวะวิกฤตนี้ กรุณาพูดภาษาง่ายๆ ที่ชาวบ้านฟังแล้วเข้าใจได้ และเชื่อมั่น เพื่อลดภาระการทำงานหนักของ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้นำท้องถิ่น การลดจำนวนวัคซีน ออกต่างจังหวัด เช่น เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จ.กระบี่ ได้เพิ่มเพียง 800 โดส และ เดือนมิ.ย.ที่ขอไว้ 150,000 โดส ก็เหลือเพียง 50,000 โดส และการนำส่งวัคซีนให้ จ.กระบี่ ไม่เคยตรงไปตามแผน ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและสาธารณสุขมีความยากลำบากในการบริหารจัดการประชาชนให้มาฉีดวัคซีน ซึ่งทุกวันนี้จ.กระบี่ มีเพียงแค่ข้าราชการสาธารณสุขที่ได้ฉีดวัคซีนก่อน เพื่อออกมาป้องกันประชาชน ส่วนอสม.ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนครบทุกคน แล้วจะเดินทางไปดูแลชาวบ้านที่รับผิดชอบได้อย่างไร” น.ส.พิมพ์รพี กล่าว
น.ส.พิมพ์รพี กล่าวต่อว่า จ.กระบี่ในเดือนเมษายน และพฤษภาคม ได้รับวัคซีนเพียง 20,000โดส ดังนี้ครั้งที่ 1 จำนวน 10,000 จากที่ขอ 15,000 ครั้งที่ 2 จำนวน 4,600 ครั้งที่ 3 จำนวน 800 รวม 15,400 โดส นั่นคือ สามารถ ฉีดได้เพียง 8,000 เข็มแรกและเข็มที่สองห่างกัน 15 วัน ในเดือนมิ.ย.ที่รอคอยจะได้ 150,000 โดส ก็จะได้เพียง 50,000 โดส หรือ เพียง 1 ใน 3 ของแผนที่ร้องขอ เมื่ออสม. และเจ้าหน้าที่ด่านหน้ายังไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอ จะเป็นการยากมากที่จะ ทำความเข้าใจเพื่อฉีดวัคซีนเต็มพื้นที่ให้กับประชาชน และสำคัญที่สุดโปรดอย่าใช้วิกฤตโควิดนี้ เป็นข้อได้เปรียบทางการเมือง ด้วยการให้ความเหลื่อมล้ำ ซื้อประกันภัย ให้กับบางกลุ่มของอาสาสมัครเพื่อผลทางการเมือง หากเจ้ากระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยรัฐมนตรีควรเสนอเป็นนโยบายรัฐ ให้ประกัน กับเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ทุกฝ่าย ทุกท้องที่ ที่เกี่ยวข้องในการปกป้องโควิด เพราะทุกคน คืออาสาสมัคร ในทุกพื้นที่ ทุกหน้าที่ ที่กำลังทำงานเพื่อปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากสงครามโควิดนี้
น.ส.พิมพ์รพี กล่าวต่อว่า ส่วนในภาคการท่องเที่ยว ประเทศไทยทำรายได้เป็นอันดับ 4 ของโลก จังหวัดกระบี่ทำรายได้ท่องเที่ยวเป็นอันดับ 4 ของประเทศ คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี และกระบี่ เมื่อภูเก็ต สามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายของภูเก็ต sandbox ที่จะสามารถเปิดประเทศได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขผนึกกำลังทำอันดามัน sandbox เชื่อมจาก ภูเก็ต ไปพังงา กระบี่ และ ตรัง ซึ่งมีประชากรเพียงล้านคน ได้ฉีดวัคซีน 1.5 ล้านโดสก่อน เพื่อเปิดเส้นทางท่องเที่ยงอันดามัน เชื่อมต่อ ภูเก็ต พังงา เกาะยาว กระบี่ เกาะลันตา เกาะพีพี เกาะไหง และตรัง เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเกาะแก่งที่สวยอันโลก เร่งสร้างรายได้ คืนประชาชน ให้ทันฤดูการท่องเที่ยวต่างประเทศคือ 1 พ.ย.นี้ เร่งรัดสนามบินกระบี่ สนามบินตรัง ให้เสร็จทันการเพื่อรองรับ เที่ยวบินเหมาลำจากต่างประเทศ สร้างรายได้แสนล้านเข้าประเทศไทย ทันที วัคซีนที่ดีต้องให้ความปลอดภัย สร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งด้านชีวิตที่ปลอดภัย และเศรษฐกิจ ที่พอเพียงให้กับประชาชน