เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 พ.ค.64 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ณ ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ 401 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้แทนจากทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วม
สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีประเด็นที่สำคัญคือ เรื่องของการติดตามผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย กับ การเตรียมแผนฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ตามมาตรการล่าสุดที่รัฐบาลได้สั่งการมายังทุกจังหวัด ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาครนั้น มีทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนหารือเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันและสามารถให้บริการได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงทุกกลุ่มบุคคล
ซึ่งในส่วนของการป้องกันและปราบปรามแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากจะเป็นการปฏิบัติงานตามมาตรการของรัฐบาลแล้วนั้น ยังเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด 19 ตามมาตรการควบคุมโรคด้วย โดยในส่วนของจังหวัดสมุทรสาครมีผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามนายจ้างและแรงงานที่กระทำผิดกฎหมายในห้วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลการจับกุมแรงงานต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมายได้ทั้งหมด 63 คน มีความผิดทั้งการลักลอบเข้าเมือง ทำงานโดยไม่รับอนุญาต ทำงานผิดประเภท และ ทำงานผิดนายจ้าง เป็นต้น ส่วนนายจ้างถูกดำเนินคดี 14 รายด้วยกัน
ขณะที่เรื่องของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ในประเทศไทยนั้น สำหรับจังหวัดสมุทรสาคร มีทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในกลุ่มของคนไทยที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาครกว่า 500,000 คน ให้เร่งสำรวจกลุ่มบุคคลทุกประเภทที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเข้าสู่ระบบการฉีดวัคซีนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ตามแผนการฉีดวัคซีนของจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนแรงงานข้ามชาติที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมีกว่า 300,000 คน ให้สถานประกอบการ นายจ้าง หรือเจ้าของหอพักทุกแห่ง ดำเนินการสำรวจจำนวนแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อนำเข้าสู่การวางมาตรการตามแผนฉีดวัคซีนต่อไป ซึ่งจังหวัดสมุทรสาครมีเป้าหมายที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 180,000 โด๊ส
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยอีกว่า การสำรวจกลุ่มบุคคลที่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งคนไทยและแรงงานข้ามชาตินี้ เป็นไปภายใต้แผนการดำเนินงาน “ ท – ท – ท ประกอบด้วย “ท แรก” คือ “โทรศัพท์” โดยจะเปิดสายด่วนให้บุคคลทุกคนสามารถโทรเข้ามาจองวันเวลาการฉีดวัคซีนได้ ตามจุดที่เปิดให้บริการทั้ง 17 แห่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นอกเหนือจากแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” , “ท ที่สอง” คือ “ทัศนคติ” เป็นการปรับความคิดให้ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน และเข้ามารับบริการฉีดวัคซีนกันอย่างถ้วนหน้า , “ท สุดท้าย” คือ “ทั่วถึงทุกพื้นที่” โดยจะต้องมีการให้บริการฉีดวัคซีนแบบเข้าถึงทุกพื้นที่ทุกกลุ่มบุคคล หรือทุกคนสามารถมาเข้ารับการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งในส่วนของกลุ่มคนไทยจะได้รับวัคซีนฟรีทุกคน ส่วนแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในระบบประกันสังคมหรือประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกัน แต่ทางประกันสังคมหรือประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านค่าใช้จ่ายสำหรับวัคซีนในแรงงานข้ามชาติ ซึ่งในกลุ่มของแรงงานนั้น จะมีการนำร่องฉีดวัคซีนให้กับแรงงานที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสินสาครที่มีอยู่กว่า 10,000 คน และ นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ที่มีแรงงานอยู่กว่า 20,000 คน ภายใต้แผน “นิคมอุตสาหกรรมโมเดล”
สุดท้ายยังได้มีการย้ำชัดจากแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาครว่า ทุกคนทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยแรงงานจังหวัดจะสนธิความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจจับกุมกลุ่มเป้าหมายที่มีการกระทำความผิดตามที่สืบทราบหรือได้รับแจ้งจากประชาชน พร้อมกับกำกับดูแลการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งหากพบการกระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นสูงสุด ส่วนทางด้านของภาคเอกชนอย่างสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร กับ หอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ก็จะไม่มีการรับแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในสถานประกอบการอย่างเด็ดขาด ขณะที่ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงานในสถานประกอบการนั้น จะได้หารือร่วมกับทางภาครัฐเพื่อหาแนวทางการรับแรงงานข้ามชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมายเข้ามาทำงานเติมเต็มในสถานประกอบการต่างๆ ต่อไป