วันที่ 13 พ.ค. 64 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมในการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญวันที่ 27-28 พ.ค.นี้ ว่า เป็นการเปิดประชุมรัฐสภาซึ่งอาจจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.ก. 2 แบบก่อน ส่วนการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 นั้น คาดว่าจะพิจารณาวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมการอภิปรายงบประมาณไว้แล้ว โดยจากการศึกษาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวพบว่า 6 ยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดเอาไว้ ไม่มีการพูดถึงเรื่องโควิดแต่อย่างใด แต่เป็นการจัดงบประมาณแบบเก่า ซึ่งฝ่ายค้านมีความห่วงใยเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาโควิดเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ขณะที่ 6 ยุทธศาสตร์เป็นการจัดทำงบแบบเดิมๆ ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านขอเตือนไปยังรัฐบาลว่า การใช้งบประมาณควรใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ และควรเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา และนำงบไปใช้แก้ปัญหาที่จำเป็นต่อไป เมื่อถามว่า การขอเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติเหมาะสมหรือไม่ในช่วงนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ เรามีข้อมูลที่เพียงพอในการขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ แต่จะต้องมีการหารือกันในพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่งก่อน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนจะเสนอพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลย เนื่องจากรัฐบาลแก้ไขปัญหาบกพร่อง ล้มเหลวอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการหารือร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งตนเห็นว่าสถานการณ์นี้เหมาะสมที่สุดที่เราจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังจากที่เราได้ยื่นร้อง ป.ป.ช.เอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นหลายครั้ง รัฐบาลรับรู้ปัญหาแต่ก็ยังปล่อยให้มีการระบาดเกิดขึ้น เท่ากับรัฐบาลปล่อยปละละเลย ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ประชาชนตายคาบ้านแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขของเราล้มเหลวจากการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งผลกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจพังพินาศหลายแสนล้านบาท ซึ่งเสียหายมากกว่าคดีจำนำข้าว และหากเรายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราอาจจะมีปรากฏการณ์ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้น เพราะหากเขายังอุ้มชูกันไป เขาไม่ได้ตายเอง แต่ตายทั้งประเทศ ตายทุกพรรคการเมือง