PPS เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/64 รับรู้รายได้ต่อเนื่อง ตุน Backlog 542 ล้านบาท ปรับกลยุทธ์พัฒนาบริการและเทคโนโลยี เพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ ขณะที่งบ Q1/64 รายได้ 82.68 ล้านบาท ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/64 รับรู้รายได้งานโครงการต่อเนื่องอาทิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา กรมโยธาธิการและผังเมือง Block-H Emsphere กลุ่มค้าปลีก และ Holiday Inn Samuiอีกทั้งในไตรมาสแรก ได้รับงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ท่าอากาศยานดอนเมือง บ้านพักพนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต โครงการกรมโยธาธิการและผังเมือง และโครงการกลุ่มค้าปลีก มูลค่ารวมกว่า 186 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 542 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ 240 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน สำหรับแผนดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทเดินหน้าพัฒนาบริการและเทคโนโลยี เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันสูงสุด พร้อมพัฒนา Digital Asset โดยนำเทคโนโลยี Building Information management (BIM) มาช่วยในการบริหารจัดการสินทรัพย์ ซึ่งนอกจาก BIM จะสามารถใช้ในงานออกแบบการก่อสร้าง เพื่อประหยัดเวลาการทำงานและควบคุมต้นทุนแล้ว ยังสามารถใช้เก็บข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการอาคาร ใช้เสริมความสามารถทางการขาย อาทิ การทำแบบจำลองในงานก่อสร้างและการตกแต่งห้องสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งมีการทำ BIM Object สำหรับทำ Catalog สินค้า จัดเก็บข้อมูลวัสดุก่อสร้าง เพื่ออำนวยความสะดวกในการขายและสร้างเป็นพื้นที่ทางการตลาดให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 มีรายได้รวม 83.78 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 107.72 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 5.08 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 8.18 ล้านบาท ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่เคยรับรู้รายได้ในปีก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการส่งมอบงาน และโครงการใหม่อยู่ในสถานะเริ่มโครงการ อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นโครงการภาครัฐ จึงมีอัตรากำไรที่ต่ำ โดยบริษัทมีค่าใช้จ่ายบริหารลดลง 3.66 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากแผนควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัท นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ปิดบริษัทในเครือ ที่ไม่มีผลการดำเนินงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และโฟกัสการดำเนินงานไปในธุรกิจที่ช่วยสร้างโอกาสในการหารายได้เพิ่มเติมให้แก่บริษัท