เมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความยกข้อมูลมีผู้ติดเชื้อในทัณฑสถานหญิงกลาง ณ เรือนจำแห่งหนึ่งถึง 1,073 คน โดยระบุว่า “ทราบข่าวมาว่า ในวันที่ 11 พ.ค. 64 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ณ เรือนจำแห่งหนึ่ง มีการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกไป 4,582 ราย พบผู้ติดเชื้อถึง 1,073 ราย ถ้าตัวเลขเป็นไปตามนี้จริง แสดงว่าการระบาดในเรือนจำ อยู่ในระดับที่รุนแรงมากแล้ว” ด้านรายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์แจ้งว่า สำหรับกรณีมีการระบุว่าพบผู้ต้องขังในทัณฑสถานหญิงกลางจำนวนมาก นั้นเป็นเรื่องจริงมีการรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม รับทราบแล้วโดยเบื้องต้น มีนักโทษติดเชื้อกว่า 1,000 ราย ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลสอบสวนโรคเบื้องต้น พบว่า มีผู้ต้องหญิงรายหนึ่งถูกเบิกตัวออกไปนอกเรือนจำ เมื่อกลับเข้ามาในเรือนจำ ก็พบว่า ติดโควิด จากนั้นเชื้อได้มีการแพร่กระจายติดไปจำนวนมาก ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพพบว่ามีผู้ต้องขังกว่า 1,000 ราย ติดโควิด ซึ่งติดจากนักโทษที่เป็นผู้ช่วยผู้คุม ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่แดนกักโรคและได้รับเชื้อโควิด เมื่อกลับเข้าไปแดนขังปกติ จึงนำเชื้อไปติดผู้ต้องขังในแดนอื่น อย่างไรก็ตาม เรือนจำได้แก้ปัญหาเบื้องต้นโดยแยกผู้ต้องขังทั้งหมดที่ติดเชื้อไปอยู่รวมกัน แยกจากผู้ต้องขังปกติ เรือนจำเป็นพื้นที่ปิด แหล่งเพาะเชื้อสมบูรณ์แบบ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องการติดเชื้อในที่ปิด โดยระบุว่า “เวลาเกิดโรคระบาดในสัตว์ ฟาร์มหรือคอกสัตว์จะเกิดปรากฏการณ์ตายยกฟาร์ม โควิดก็เช่นกัน หากเกิดในพื้นที่ปิดแต่เชื้อสามารถเข้าไประบาดได้อย่างในเรือนจำ ที่นั่นคือพื้นที่การระบาดที่สมบูรณ์แบบ หากสถานการณ์การระบาดยังควบคุมไม่ได้จากภายนอก ในเรือนจำซึ่งมีผู้ต้องขัง 3 แสนคน จะอยู่ในสภาพแหล่งเพาะเชื้อ” ทั้งนี้ แหล่งข่าวในเรือนจำระบุ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่คุมขังของผู้ต้องขังชายนั้น มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดแล้ว 60%