บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ แจงผลงานงวดไตรมาส 1/2564 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 6% ทะลุ 410 ล้านบาท ตามการเติบโตธุรกิจหมวดอาหารแปรรูป-ผลไม้อบแห้ง รับอานิสงค์ WFH หลังสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมเลี่ยงรับประทานอาหารนอกบ้าน ผู้บริหารเชื่อมั่นไตรมาส 2/64 ต่อเนื่องครึ่งปีหลังสดใส หลังเร่งเดินหน้าย้ายหมวดธุรกิจจาก “บรรจุภัณฑ์” สู่ “อาหาร” หวังปั้นแบรนด์ พร้อมเตรียมวางจำหน่ายเบอร์เกอร์โปรตีนพืช ผ่าน Kitchen Plus และ A&W, ผลิตภัณฑ์ Plant Based Food กึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน ผ่านโมเดิร์นเทรดทดสอบตลาดเมืองไทยมิถุนายนนี้ น.ส.หลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON ผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์สู่ตลาดโลก เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 5% แตะ 257 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูปแช่แข็งและอาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน เติบโตขึ้น 12% แตะ 118 ล้านบาท หลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคเน้น Work Form Home หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารนอกบ้าน และกลุ่มผลไม้อบแห้ง เติบโต 9% อยู่ที่ 117 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตต่อเนื่อง 4% แตะ 150 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มจะยังคงได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ฉุดรั้งกำลังซื้อผู้บริโภค แต่บริษัทฯได้มีนโยบายปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร พร้อมปรับกลยุทธ์เน้น Delivery และรถฟู้ดทรัค เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยตรง หนุนประสิทธิภาพการทำกำไรให้สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯพลิกมีกำไรจากการดำเนินการ 0.40 ล้านบาท จากขาดทุน 3.79 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เนื่องด้วยบริษัทฯต้องจ่ายค่าปรับให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรณีหุ้น KIAT จำนวน 23.30 ล้านบาท จึงส่งผลให้ภาพรวมไตรมาส 1/64 บริษัทยังคงมีผลขาดทุนสุทธิ 5.58 ล้านบาท สำหรับภาพรวมไตรมาส 2/64 ต่อเนื่องครึ่งหลังของปี 2564 มีแนวโน้มสดใส จากแผนเดินหน้าย้ายหมวดธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากกลุ่ม “บรรจุภัณฑ์” สู่ “อาหาร” พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งพร้อมทาน (Ready To Eat) ที่จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ต่อเนื่องอีกราว 4-5 ตัว อาทิ ข้าวกระเพราปลาหมึก, ซุปกิมจิ, ข้าวผัดปลาเค็ม และแกงจืดกระหล่ำปลียัดไส้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมวางจำหน่ายเบอร์เกอร์โปรตีนพืช ผ่านร้าน Kitchen Plus และ A&W รวมถึงผลิตภัณฑ์ Plant Based Food กึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน ผ่านโมเดิร์นเทรด ทดสอบตลาดเมืองไทยในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่กลุ่มธุรกิจผลไม้อบแห้ง มีสัญญาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ จากการฉีดวัคซีน COVID-19 เพิ่มมากขึ้น