วันที่ 11 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคพลัง ประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2564 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดแรก จำนวน 36 ท่าน ซึ่งต้องลุ้นว่าใครจะมานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนพรรค รวมทั้งคณะกรรมการบริหารอื่นของพรรค ซึ่งเดิมกำหนดไว้วันที่ 9 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.00-16.30 น. ณ.ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น วิภาวดี กรุงเทพฯ จึงต้องเลื่อนออกไปหลังโควิด 19 ระบาดระลอกที่ 3 อย่างรวดเร็วและรัฐบาลประกาศควบคุมสถานที่กรุงเทพฯ เป็นสถานที่ควบคุมสูงสุด การประชุมใหญ่เกือบทุกพรรคการเมืองเลื่อนไปยังไม่มีกำหนด แหล่งข่าวรายงานว่า หากส่องดูบุคคลที่มานั่งตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคพลังชุดแรก รวมทุกสาขาอาชีพ สัดส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มสตรี กลุ่มความหลากหลายทางเพศ กลุ่มแรงงาน กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มประมง ซึ่งจะมีสัดส่วนคณะกรรมการบริหารตามภาคต่างๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือและสัดส่วนจากภาคใต้ ล้วนมาจากผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองและผู้สนใจทางการเมือง ผสมผสานกันไป หากส่องดู ยุทธศาสตร์พรรคพลัง จะประกอบด้วย ประธานยุทธศาสตร์พรรค คุมยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ ในการวางแผนการเลือกตั้ง นโยบายพรรค ประธานยุทธศาสตร์ภาคคุมระดับภาคทำงานควบคู่ไปกับรองหัวหน้าพรรคแต่ละภาค ทีมหัวหน้าโซนภาค และทีมระดับจังหวัด รวมทั้ง ผอ.ระดับเขตเลือกตั้ง เพื่อจัดทำไพรมารี่โหวตและทำหน้าที่ในการสรรหาว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า รายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคเปิดเผยได้หรือไม่ แหล่งข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะต้องมีการเลือกตั้งจากสมาชิกผู้ร่วมอุดมการณ์โดยวิธีลับ จะเปิดเผยในวันประชุมใหญ่สามัญ ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนคนไทยทั้งประเทศขอให้อดใจรอและลุ้นไปด้วยกันว่า ใครจะมานั่งตำแหน่งต่างๆในคณะกรรมการบริหารพรรคที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคไปทิศทางใด นโยบายพรรคเป็นอย่างไร เมื่อสอบถามว่า นโยบายพรรค จะเปิดเผยได้เมื่อไหร่ อย่างไร แหล่งข่าว รายงานว่า นโยบายพรรคจะมีครบทุกด้าน จะเน้นด้านการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชน เปิดตัวมา รับรองว่า เป็นจุดขาย และสามารถทำได้จริง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังได้เปิดโลโก้พรรค เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในคอการเมือง ถือว่า เป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่มาแรง ชื่อชั้นไม่ธรรมดาและมีวิธีการโปรโมทค่อนข้างดี นับแต่การออกแบบโลโก้พรรค และเสื้อพรรค รวมทั้งเปิดตัวประธานที่ปรึกษาพรรคพลัง นอกจากนี้ เมื่อสอบถึงความพร้อมในการเตรียมการประชุมใหญ่สามัญ แหล่งข่าวในพรรคพลัง ยืนยันว่า ได้สรรหาบุคคลหลากหลายอาชีพทุกภาคและมีความพร้อมในการประชุมใหญ่ รวมทั้งมวลชนแต่ละสาย มีสมาชิกผู้ร่วมอุดมการณ์เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 800 ท่าน มีความพร้อมทุกด้านแล้ว เพียงแค่รอเวลาให้สถานการณ์โควิดเบาบางเท่านั้น ในงานประชุมใหญ่ในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดแรก ซึ่งจะเตรียมเสื้อพรรคมอบให้แก่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรก เป็นปฐมฤกษ์ ซึ่งเพลงประจำพรรคโดยขับร้อง ทำนอง ศิลปินท่านหนึ่งแต่งขับร้อง พลังแห่งความหวัง “พลังแห่งความเปลี่ยนแปลง” รวมทั้งนโยบายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นโยบายแก้ปัญหาความยากจน นโยบายเริ่มตั้งแต่เกิด จนถึงเชิงตะกอน ซึ่งเป็นเนื้อหากระชับ สะท้อนถึงบริบทบ้านเมืองในปัจจุบันได้ดี ฟังแล้วติดหูทุกครัวเรือนแน่นอน ซึ่งเนื้อหาเพลงมาจากการถูกกดทับทางสังคม สูญเสียโอกาสของประชาชนทุกด้าน เหล่านี้มาจาก พรรคพลัง หัวใจ คือโอกาสของประชาชน นายอุดมเกียรติ ปานมี รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด 19 ระบาด ขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคของประเทศรักษาสุขภาพด้วยสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากเคหสถาน เพราะมีโทษปรับอาญาสูงถึง 20,000 บาท แม้ปรับขยับเป็นขั้นบันได หากเทียบเคียงกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ เป็นการออกกฎหรือคำสั่งทางปกครองที่เพิ่มภาระให้กับประชาชนเกินควร ไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะรัฐบาลนำเข้าวัคซีนล่าช้า จำกัดยี่ห้อ ทำให้มีผลกระทบตามมา โควิด 19 ระบาดมาตั้งแต่มีนาคม 2563 รวมระยะเวลา 1 ปีกว่า ถือว่า รัฐล้มเหลวในการแก้ปัญหาการนำเข้าวัคซีน ควรให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม จะทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลกว้างยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือกวัคซีนได้ ส่วนการในโอนอำนาจกฎหมายต่างๆ 31 พระราชบัญญัติมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว ตรงนี้ ไม่ติดใจ เพราะโอนอำนาจชั่วคราว แต่จะมีคำถามจากพี่น้องประชาชน ว่า การปิดประเทศชั่วคราว เจ็บแต่จบในคราวเดียว จะแก้ปัญหาง่ายกว่า ส่วนในคลัสเตอร์ทองหล่อ ที่แพร่ไปทั่วประเทศ บทลงโทษสถานที่คลับ เล้าน์จ ที่เป็นแหล่งคลัสเตอร์ ยังไม่มีคำสั่งปิดถาวร จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ปัญหาที่ประสบพบเจอ ตัวเลขประชาชนติดโควิดวันละ 2,000 กว่าราย แต่ไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วย ซึ่งนอนรอการช่วยเหลือและรอความตาย สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลในบั้นปลายที่ชี้ให้เห็นว่า การบริหารควบคุมสถานการณ์โรคโควิด 19 ของรัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง