จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เข้ามาหลบซ่อนในพื้นที่ บ.ซอปอ ม.9 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และได้เกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุรุนแรง เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิด เมื่อวันนี้ 11 พ.ค. 64 เวลา 05.00 น.
ล่าสุด วันนี้ 11 พ.ค. 64 เวลา 11.00 น. พ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการขยายผลจากการที่พลเมืองดีโทรศัพท์มายังหมายเลขสายตรง แม่ทัพภาคที่4/ผอ.รมน.ภาค 4 ที่หมายเลข 061 173 2999 จึงได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ สนธิกำลัง เข้าตรวจสอบในพื้นที่ บ.ซอปอ ม.9 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ขณะเข้าควบคุมพื้นที่โดยรอบ คนร้ายได้ทำการยิงเปิดทางเพื่อหลบหนี จึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นกับเจ้าหน้าที่ ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายซูไรดิน กะแต อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 34/2 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตพร้อมอาวุธปืน AK 102 จำนวน 1 กระบอก อยู่ในมือและคนร้ายรายดังกล่าว มีหมายจับ ป.วิอาญา 2 หมาย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเจ้าของบ้านไปดำเนินการซักถามจำนวน 2 ราย
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบปืนพกขนาด 11 มม. ตกอยู่ด้านหลังบ้าน ที่เกิดเหตุ จำนวน 1 กระบอก ตรวจสอบพบเป็นอาวุธที่คนร้ายขโมยมาจากเหตุยิง นายมูฮำหมัดซับรี สาและ อส.อ.บาเจาะ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2564 ซึ่งอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจะได้นำไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงและประวัติการก่อเหตุต่อไป และในการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 1 นาย คือ อส.ทพ. กำพล แก้วจำรัส อายุ 27 ปี สังกัด ร้อย สน.ฉก.ทพ.นย.ทร. ถูกกระสุนปืนยิงถากบริเวณมือขวา มีอาการชาบริเวณมือและแขน เจ้าหน้าที่ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่ง รพ.บาเจาะ ขณะนี้อาการปลอดภัย ส่วนคนร้ายอีกคนที่กำลังหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนอย่าได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิด ทั้งการให้ที่พักพิง หลบซ่อน จัดหาเสบียง เพราะจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน โดยจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภายหลังเกิดเหตุ พล.ท. เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ เร่งเข้าคลี่คลายสถานการณ์ตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวบรวมวัตถุพยาน เพื่อตรวจหาความเชื่อมโยงของอาวุธที่กลุ่มคนร้ายใช้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งให้หน่วยในพื้นที่ เร่งเข้าทำความเข้าใจกับประชาชนรวมทั้งญาติผู้เสียชีวิต เพื่อหาทางช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมต่อไป