จอดงีบหลับ ดับปริศนาอุทาหรณ์คนจอดนอนรอนแรมค้างคืนในรถ ขณะเพื่อนร่วมงานเผยเป็นคนรูปร่างอ้วนท้วนทำเกิดโรคประจำตัวตามมามากมาย ก่อนเสียชีวิตลงได้นัดหมายให้ไปเข้าพักในโรงแรมร่วมกัน แต่กลับหายตัวไปนานข้ามคืนและติดต่อไม่ได้ สุดท้ายพบกลายเป็นศพ ด้านตำรวจส่ง จนท.พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรวมรวมพยานแวดล้อมทางนิติวิทยาศาสตร์ไว้ เพื่อรอการพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป วันที่ 10 พ.ค.64 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.เสถียรพงษ์ อ่อนศรีทอง สารวัตรสอบสวนเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุพบมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ ที่บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ริมถนนสายฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี้ยว ด้านฝั่งขาเข้า พื้นที่ ม.5 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะแบบแค็บ สีบรอนซ์มีหลังคาไฟเบอร์คลุมด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก หมายเลขทะเบียน 2ฒฬ-967 กทม. จอดชิดอยู่ริมข้างทางด้านซ้ายในลักษณะดับเครื่องยนต์แล้ว แต่มีการล็อคประตูรถเอาไว้ โดยมีชายรูปร่างท้วมใหญ่นอนหงายเอนพิงพนักบนเบาะที่นั่งคนขับ สภาพมีน้ำลายไหลเยิ้มออกมาจากปากมุมด้านซ้ายเล็กน้อย หลังเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิตเดินทางมาถึง และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจาก สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางมายังในที่เกิดเหตุแล้ว จึงได้มีการทุบกระจกประตูรถด้านเบาะซ้ายออก เพื่อพยายามเข้าไปให้การช่วยเหลือ แต่พบว่าผู้ตายเสียชีวิตลงแล้ว สอบถาม นางพเยาว์ พิมพ์มณี อายุ 63 ปี่ อยู่บ้านเลขที่ 92/2 ม.1 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นผู้ดูแลอพาร์ทเม้นตั้งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่า หลังตนตื่นนอนขึ้นมาเมื่อช่วงประมาณ 03.00 น. ได้พบว่ามีรถคันดังกล่าวมาจอดเปิดไฟและติดเครื่องยนต์ไว้ที่บริเวณริมถนนด้านหน้าอพาร์ทเม้น แต่ยังไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งรุ่งเช้าจึงมีเพื่อนคนงานในอพาร์ทเม้น ซึ่งจำรถคันดังกล่าวได้ว่าเป็นรถของนายปริญญา เบี้ยวทุ่งน้อย อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.2 ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม ลูกค้าประจำที่เคยเข้ามาเปิดห้องพักค้างคืนบ่อยครั้งตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา จึงได้พยายามไปร้องเรียกแต่ไม่ตื่น และได้วิ่งมาบอกตนไห้เข้าไปดู ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งไปยังเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเซลล์ขายปุ๋ยและยาฮอร์โมนบำรุงพืช ทั้งนาข้าวและไม้ผลในบริษัทเดียวกันกับผู้ตาย และเคยเข้ามาเป็นลูกค้าเปิดห้องพักประจำเช่นเดียวกันให้ทราบ จากนั้น นายธณภพ ว่องไว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ถ.ลำมะเขือขื่น แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งได้ไปเปิดห้องพักอยู่ที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่งใกล้กันนอนพักค้างคืน ได้รีบเดินทางเข้ามาดูยังในที่เกิดเหตุ พร้อมบอกให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฉะเชิงเทรา ทำการทุบกระจกรถเพื่อเข้าไปให้การช่วยแหลือดังกล่าว โดยที่นางพเยาว์ ยังบอกอีกว่า เคยพบเห็นผู้ตายขับรถมาจอดนอนยังที่บริเวณนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ก่อน นางพเยาว์ กล่าว ขณะที่ นายธณภพ กล่าวว่า นายปริญญา ซึ่งเคยรับผิดชอบงานโซนนี้กำลังจะโอนถ่ายงานในพื้นที่นี้มาให้แก่ตนดูแลต่อ หลังจากที่เขากำลังจะย้ายสายงานใหม่ และนัดกันว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปยังพื้นที่ จ.จันทบุรี ด้วยกัน แต่จะมาพักยังที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนโดยตนได้เปิดห้องแบบเตียงคู่ไว้รอยังที่โรงแรมอีกแห่งหนี่ง ซึ่งอยู่เลยถัดจากบริเวณนี้ไปอีกประมาณ 500 เมตร พร้อมกับได้พยายามโทรหาผู้ตายมาโดยตลอดตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวาน แต่ไม่มีคนรับสาย และยังได้โทรศัพท์ไปหายังแฟนของผู้ตาย เพื่อสอบถามว่าสามารถติดต่อเขาได้หรือไม่ โดยได้รับคำตอบว่าไม่สามารถติดต่อได้เช่นเดียวกัน จนมาพบว่านายปริญญา ได้มาจอดรถนอนเสียชีวิตยู่ภายในรถแล้ว เมื่อเวลา 09.50 น. หลังจากทางอพาร์ทเม้นแห่งนี้ ได้โทรศัพท์แจ้งเหตุให้ทราบ ซึ่งปกตินายปริญญา นั้นมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเบาหวานและความดัน และโรคที่เกี่ยวข้องกับคนรูปร่างอ้วนอยู่ก่อนแล้ว โดยตนเป็นเพื่อนกันกับนายปริญญา มาตั้งในสมัยเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยด้วยกันมานานนับสิบปีแล้ว นายธณภพ กล่าว จากนั้นได้มี พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางมาตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมกับได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เก็บรวมรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุโดยละเอียดไว้ พร้อมประสานให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จากกองกำกับการพิสูจน์หลักฐานฉะเชิงเทรา เดินทางมาเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุไว้ด้วย เพื่อใช้ประกอบการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงต่อการเสียชีวิตของนายปริญญา ต่อไป