หลังจากนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ผลการประชุมแนวทางการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน มีมติว่าควรกำหนดให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าควบคุม ซึ่งสถานพยาบาลภาคเอกชนควรคัดเลือกวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก ที่มีคุณลักษณะหรือยี่ห้อที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564 รวมทั้งในอนาคตกรณีที่มีการวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม ก็สามารถนำเสนอวัคซีนทางเลือกรายการอื่นเพิ่มเติมได้ นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่า ตอนนี้ยังมีความกังวลในการล่าช้าของการฉีดวัคซีน โดยตามแผนเดิมเมืองพัทยาเป็นพื้นที่ที่จะรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่เมืองพัทยาภายในเดือนตุลาคม แต่ในที่ฉีดปัจจุบันก็ยังมีความกังวลว่าอาจจะไม่เป็นไปตามแผนเดิม อีกทั้งจำนวนวัคซีนที่เข้ามานั้น ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนต่างๆก็ยังไม่ชัดเจน ซึ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวก็ได้สอบถามมาเป็นจำนวนมาก ว่าจะมีการฉีดวัคซีนได้เมื่อไหร่ ซึ่งทางภาคเอกชนก็ได้สอบถามไปยังภาครัฐก็ยังได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนจึงอยากให้ทางรัฐบาลมีความชัดเจนในการฉีดวัคซีน ทางผู้ประกอบการจะได้มีการวางแผนงานได้อย่างถูกต้อง นายพิสูจน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้วัคซีนน่าจะเป็นทางเดียวในภาคเศรษฐกิจและการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาในประเทศ การที่มีวัคซีนหลากหลายก็เป็นผลดีมากกว่า ไม่เจาะจงแค่ 1-2 ยี่ห้อ จึงอยากให้ภาครัฐให้โรงพยาบาลเอกชนต่างๆให้มีการนำวัคซีนเข้ามาได้ ซึ่งภาคเอกชนหลายรายก็มีความพร้อมที่จัดหาวัคซีนเอง และทำการฉีดให้กับบุคลากรตนเองเพื่อความรวดเร็ว ก็อยากให้รัฐเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าถึงวัคซีนชนิดต่างๆ อย่างที่ทราบกันดีวัคซีนที่ฉีดไปบางรายก็มีการแพ้บางรายก็ไม่มีการแพ้แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการที่มีวัคซีนทางเลือกเยอะๆ ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนสามารถเลือกฉีดวัคซีนได้ ซึ่งในสภาวะเร่งด่วนแบบนี้อยากให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ช่วยกันนำวัคซีนเข้ามาแจกจ่ายและฉีดให้กับประชาชนในประเทศให้เร็วที่สุด