เมื่อวันที่ 9 พ.ค.นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้...
แบบอย่างของจีนในการรับมือกับโคบ้า!!!
เมื่อโคบ้าเริ่มระบาดในประเทศจีน สีจิ้นผิงประกาศให้ทั่วประเทศจีนรับมือดังนี้คือ
1. ประกาศยุทธศาสตร์ว่าการรับมือกับโคบ้า คือการทำสงครามชีวภาพที่คนจีนทั้ง 1,400 ล้านคนจะต้องเอาชนะสงครามนี้
2. การรับมือกับโคบ้า ให้ถือความปลอดภัยของชีวิตประชาชนเป็นหลัก กฎระเบียบใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการรับมือกับโคบ้าให้ยกเว้นไม่ใช้กฎระเบียบนั้น เพื่อให้การรับมือมีประสิทธิผลเต็มที่รวดเร็ว
3. เจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดไม่ร่วมมือหรือละเลยในหน้าที่ ให้ปลดออกจากตำแหน่ง ถ้าทุจริตให้ประหารชีวิต ไม่มีข้อยกเว้น
4. ห้ามเลิกจ้าง ห้ามลดคนงาน ห้ามลดเงินเดือน ให้จ้างกันตามปกติ จ่ายเงินเดือนค่าแรงตามปกติ โดยรัฐจ่ายเงินชดเชยให้ตามสัดส่วน ของขนาดและผลกระทบของกิจการ ทำให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินการตามปกติ
5. ให้คณะกรรมการวิทยาศาสตร์การแพทย์ส่วนกลาง ระดมภูมิปัญญาของแพทย์จีนทั่วประเทศ และภูมิปัญญาจีนตั้งแต่อดีตมาใช้ในการป้องกัน ในการตรวจโรค และในการรักษาโรค
6. ห้ามสร้างความตื่นตระหนกตกใจและความปั่นป่วนโดยเด็ดขาด โดยถือว่าเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติ ผู้ใดฝ่าฝืนให้ลงโทษสถานหนักทันที
หลังจากออกมาตรการชุดนี้แล้ว ก็เดินหน้าปฏิบัติอย่างจริงจัง เพียงแค่ 8 เดือนก็สามารถรับมือได้สำเร็จ
เราควรศึกษาเอาแบบอย่างของจีนไหม?
จะดีกว่าเอาแต่การสร้างความตกใจ หรือเอาแต่บังคับประชนจนทำมาหากินไม่ได้ และเอาแต่รณรงค์ให้ใช้วัคซีนผูกขาด หรือไม่?
นายไพศาล ยังโพสต์อีกว่า...
จับตา ยาพ่นจมูก ปาก จะเข้ามาไล่โคบ้า
1.ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการทดลองใช้ยาพ่นจมูกและพ่นปาก ในการป้องกันและรักษาโคบ้า ซึ่งควรได้รับการส่งเสริมอย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในเร็ววัน
2. จีนประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ครั้งใหญ่ และได้ใช้กับบุคลากรด้านความมั่นคงทั่วประเทศแล้ว อาจส่งออกได้ในเร็ววันนี้
สังเกตได้จากกรณี ประธานสีจิ้นผิง ไปเป็นประธานขึ้นระวางเรือรบใหญ่ 3 ลำ ทหารจีนนับพันคน และคณะผู้นำทางทหารจีนจำนวนมาก ไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัยเลยแม้แต่คนเดียว!!! สะท้อนถึงความเชื่อมั่น ในยาพ่นจมูกและปาก
3.แนวความคิด ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ใช้ยาพ่นจมูกและพ่นปาก อยู่ตรงที่ มีการพบว่าโคบ้า เข้าสู่ร่างกายมนุษย์โดยทางจมูกและปากเป็นหลัก แล้วฟักตัวอยู่ในช่องจมูกและช่องปาก 4 วัน
จึงกำหนดให้บริเวณ จมูกและปากเป็นสมรภูมิ ในการปราบโคบ้า มีการคิด ยาพ่นจมูกและปาก ซึ่งจะเคลือบเนื้อเยื่อ ตลอดช่องจมูกและช่องปาก มีผลในการกำจัด โคบ้าในช่วงเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่ต้น โดยไม่ต้องฉีดเข้ากระแสเลือด ซึ่งส่งผลต่อภูมิต้านทานของมนุษย์
แนวคิดเช่นนี้ พิจารณากันดูเองเถิดว่าเป็นผลดีต่อมนุษย์มากน้อยกว่าฉีดเข้าเส้นเลือดหรือไม่
ซึ่งผลขณะนี้ก็ทราบกันอยู่แล้วว่ามีผลข้างเคียงอย่างไร
ทำไมต้องเอาชีวิตเพื่อนมนุษย์ไปเสี่ยง!!!!
ถ้ายาพ่นจมูก ปาก นี้ แพร่หลายออกไปยังประเทศต่างๆ ก็ถามตัวเองดูว่า จะเลือกฉีดยาพ่นจมูกปากดีกว่าไหม
นี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อย่างสำคัญ
ซึ่งต้องติดตามจับตาดูอย่างใกล้ชิด!!!!