นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไว้เมื่อวันที่ 7 พ.ค.64 ว่า... ค้าแป้งไทย ดังไกลทั่วโลก รัฐมนตรีช่วยฯ ธรรมนัส หลุดข้อกล่าวหาเรื่อง “ค้าแป้ง” แล้วต้องหลุดจากเก้าอี้หรือไม่? ศาลรัฐธรรมนูญแจงว่า เป็นเรื่องของศาลออสเตรเลีย กฏหมายคนละดินแดนประเทศ จึงไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด แต่มีผู้คนเห็นแย้งมากมาย ไม่ว่านักวิชาการ อาจารย์ นักกฎหมาย รวมทั้งผู้คนหลากหลายในสังคม ผมไม่ต้องสาธยายให้มากความ สามเสาหลักถูกเซาะจนผุกร่อน ร่อนเป็นผง เสียงสวดชยันโตกระหึ่มทั้งใน และสื่อนอกประเทศ อันที่จริง นักการเมืองทั่วโลกทำหน้าที่รับอาสามาทำงานเพื่อบ้านเมือง จริยธรรมจึงต้องสูงส่งกว่าคนทั่วไป ให้เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม และเยาวชนของชาติ แต่ประเทศไทยมันเส็งเคร็ง หันหน้าหาใคร ล้วนเป็นที่พึ่งพาไม่ได้ ครั้งนี้ นึกว่าจะพึ่งนักร้องเรียนขาประจำ ก็ไม่ทราบหายหัวไปไหน? เรื่องใหญ่ และดังอย่างนี้ ทำไมถึงไม่เกาะกระแสเสือก เดินถือซองร้องเรียนให้สื่อถ่ายรูปไปทั่ว เหมือนอย่างที่เคยชอบเสือกทุกเรื่องที่ผ่านมา เดินตระเวนเสือกร้องเรียนตรวจสอบทุกเรื่องคุณธรรมจริยธรรม แต่กับเรื่องที่สังคมทั้งในและนอกประเทศสงสัย คลางแคลงใจมากมายขนาดนี้ ดันเสือกหายหัวไปไหนไม่ทราบ? นิ่งเป็นสากไม่เคลื่อนที่ไปเสียอย่างนั้น ท่านธรรมนัสคงพกของดีจริง เพราะรัฐบาลต้องพึ่งบริการถึงขนาดบอกเองว่า “หากล้มผมได้ ก็เสมือนล้มรัฐบาลได้” รัฐบาลจึงต้องอุ้มกระเตงเข้าสะเอว แล้วโบ้ยเรื่องโยนให้ฝ่ายตุลาการ ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารแต่อย่างใด อนาคตอันไม่ไกล หมดรุ่นนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านธรรมนัสอาจไต่เต้าไปถึงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีประเทศไทย” เดินสายจับมือผู้นำทั่วโลก โอ้อวดไปเลยว่า ไทยแลนด์เป็นแดน “ค้าแป้ง” ส่งออกรายใหญ่ของโลก ประเทศอื่นกรุณาอย่ามาเสือกสงสัยกับเรื่องกฎหมายของประเทศเรา ยุคนี้ หาใครใหญ่ไปกว่าธรรมนัสคงไม่มีเสียแล้ว เป็นพยัคฆ์ติดปีกบินเหินเวหา อย่างนี้นี่เอง ถึงไม่สงสัยเลยว่า รัฐบาลชุดนี้ครบเครื่อง รวมเรื่อง.... (คอมเม้นท์เอาเองตามสบาย)