เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ถึงการเดินหน้าแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ในช่วงเวลาที่เรากำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มีความเลวร้ายที่สุด การตัดสินใจภาพใหญ่ในประเทศไทย ตนคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่เร็ว ทำงานอย่างรวดเร็วและบูรณาการ นั่นคืออาวุธที่สำคัญของเราในการต่อสู้กับโควิด -19 ดังนั้นเพื่อความสะดวกต่อการตัดสินใจและการปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในการโอนอำนาจตามกฎหมาย 31 ฉบับมาที่นายกฯ ให้สามารถออกคำสั่ง อนุญาต อนุมัติ สั่งการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้โดยตรง เพื่อให้การจัดการและแก้ไขสถานการณ์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งต้องคำนึงถึงกฎหมายของหน่วยงาน ที่มีกฎหมายหลัก กฎหมายรองอยู่ ก็ต้องใช้กฎหมายเหล่านั้นให้ถูกต้อง นายกฯ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณทุกกระทรวงและหน่วยงานต่างๆที่ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีมาตลอด ขอขอบคุณที่เห็นพ้องต้องกันว่าแนวทางนี้จะช่วยให้เรารับมือและผ่านพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนไปได้ สถานการณ์ทั่วโลกตอนนี้มีจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นพุ่งสูงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดมา ก็เหมือนกับที่ประเทศไทยที่ประสบอยู่ นายกฯ กล่าวว่า กรณีคัสเตอร์คลองเตย ตนได้ติดตามใกล้ชิดเป็นพิเศษ และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุด และใช้ประสบการณ์จากจังหวัดสมุทรสาครมาปรับใช้ ล่าสุดตนได้รับรายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงคมนาคม และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้จัดพื้นที่ตรวจเชิงรุกให้ชาวชุมชนคลองเตยได้อีกถึง 700 คนต่อวัน ส่วนคลัสเตอร์อื่นๆก็จะเร่งตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุดควบคู่กับการฉีดวัคซีน นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนสั่งการให้แก้ปัญหาการสำรองเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งขณะนี้ยังมีเพียงพอ แต่เราไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ต้องมีการขยายเพิ่ม เพื่อรองรับผู้ป่วยอาการหนักในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งได้มีการเปิดโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนักอีก 432 เตียง และมีแผนดูแลผู้ป่วยอาการหนักที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคคลากรทางการแพทย์ได้ดูแลผู้ป่วยอย่างทั่วถึง โดยหลักการที่ตนเน้นย้ำเป็นหัวใจของการจัดการสถานการณ์คือ เราต้องทำทุกทางเพื่อลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้ในการรักษา แม้จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เราได้มีการสำรองไว้อย่างเพียงพอ โดยยังมีเหลือในสต๊อกที่ 1,500,000 เม็ด ปัจจุบันได้กระจายไปยังทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ และยังได้รับเพิ่มเติมอีก 3 ล้านเม็ดในเดือนพ.ค. เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่มียาเพียงพอ สำหรับยาอื่นๆ ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้พิจารณาถึงประสิทธิภาพความปลอดภัยความจำเป็นและประโยชน์ในการใช้งานอยู่ด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพื่อให้การจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลที่มีจำนวนมาก ตนจึงได้ตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลขึ้น เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ให้แก้ไขปัญหาได้อย่างเร่งด่วนโดยตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์และมีหัวหน้าหน่วยงานต่างๆรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในพื้นที่เป็นกรรมการ ซึ่งการดำเนินการของศูนย์จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาของจังหวัดอื่นๆต่อไปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า และเพื่อให้จัดการสถานการณ์โควิด-19ในภาพรวมดียิ่งขึ้น ตนได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยมีรมว.สาธารณสุขและรมช.สาธารณสุข เป็นที่ปรึกษา มีเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)เป็นประธาน และมีหัวหน้าหน่วยงานด้านสาธารณสุข มหาดไทย กลาโหม เป็นกรรมการ เพื่อให้เกิดการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยงานฝ่ายปกครองบูรณาการ ทั้งด้านบุคลากร และทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การตรวจคัดกรอง ควบคุมพื้นที่และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยทั้ง 2 คณะและศบค.ทุกชุด จะมีคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขในศบค.คอยให้คำปรึกษา ซึ่งมีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน รวมทั้งมีอาจารย์แพทย์ ผู้ทรงคุณวุฒิท่านอื่นๆเป็นกรรมการ เพื่อให้ข้อเสนอแนะตามหลักวิชาการสาธารณสุข และสามารถเชื่อมประสานกับโรงพยาบาลต่างๆได้อย่างดีอีกด้วย