เกษตรกรหม่อนไหม New Normal ขายรังไหมแก่บริษัทจุลไหมไทย ซึ่งถ่ายทอดสดการคัดเกรดและตีราคารังไหมผ่านเฟซบุ๊ค โปร่งใส เป็นธรรม และปลอดภัย มีรายได้ต่อเนื่องในยุคโควิด-19 ช่วง 1-3 พฤษภาคม 2564 สร้างรายได้ถึง 5.35 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า กรมหม่อนไหมได้ส่งเสริมเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในระบบเกษตรพันธสัญญา หรือการซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า ตามนโยบายตลาดนำการผลิต ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรหม่อนไหมมีรายได้มากขึ้น และมีตลาดรับซื้อที่แน่นอน ปัจจุบันได้ประสานให้มีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับ บริษัท จุลไหมไทย จำกัด ซึ่งรับซื้อรังไหมตามเกณฑ์มาตรฐานและเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของรัฐบาล บริษัทจุลไหมไทยได้ปรับกระบวนการรับซื้อรังไหมในรูปแบบ New Normal คือเปลี่ยนจากการรับซื้อ ตรวจคุณภาพและตีราคารังไหมในพื้นที่ เป็นการรับรังไหมกลับมาที่บริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วถ่ายทอดสดการตรวจคุณภาพและตีราคารังไหมให้เกษตรกรชม ในเฟซบุ๊ค กลุ่ม “เกษตรกรจุลไหมไทย” ทำให้เกษตรกรสามารถเห็นกระบวนการรับซื้อรังไหมได้เหมือนเดิม
โดยในระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2564 มีการรับซื้อรังไหม แบบไลฟ์สด 11 พื้นที่ จากเกษตรกร 483 ราย รังไหม 24 ตัน รวมรายได้ 4.08 ล้านบาท การรับซื้อรังไหม ที่บริษัท 4 พื้นที่ เกษตรกร 109 ราย รังไหม 7.3 ตัน รวมรายได้ 1.27 ล้านบาท รวมรับซื้อรังไหมในระหว่าง 1-3 พฤษภาคม 2564 ใน 15 พื้นที่ เกษตรกร 592 ราย รังไหม 31.1 ตัน สามารถสร้างรายได้รวมให้แก่เกษตรกร 5.35 ล้านบาท
จะเห็นว่า ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งส่งกระทบเป็นวงกว้างให้กับประชาชนหลายอาชีพ แต่สำหรับเกษตรกรหม่อนไหมที่ทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทจุลไหมไทยนั้น ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด บริษัทยังคงรับซื้อรังไหมของเกษตรกรตามปกติ โดยบริษัทได้ปรับเปลี่ยนการรับซื้อรังไหมแบบถ่ายทอดสดออนไลน์ทางเฟซบุ๊คนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งในช่วงแรกแม้จะมีเกษตรกรบางรายไม่เข้าใจกับการรับซื้อในรูปแบบดังกล่าว แต่ในปัจจุบันนี้เกษตรกรเข้าใจแล้วว่า การปรับเปลี่ยนนั้นเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และมีข้อดี นั่นคือ เกษตรกรไม่ต้องเสียเวลาขายรังนาน รีบขาย รีบกลับ มีเวลากลับไปดูแลสวนหม่อน และการถ่ายทอดสดดังกล่าวก็ถูกบันทึกไว้เป็นวิดีโอ เกษตรกรสามารถตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการรับซื้อรังไหมได้ตลอดเวลา
"การพลิกวิกฤติเป็นโอกาสดังกล่าวนี้ ส่งผลให้อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอาชีพที่น่าสนใจ และเป็นทางเลือกให้เกษตรกรเลือกเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างต่อเนื่องและอย่างยั่งยืน"อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว