อ.แหลมงอบ จ.ตราด/เวลา 09.30 น.วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ที่ชุมชนบ้านหินบ๋าย เทศบาลตำบลแหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด นายศักรินรักสนิท เจ้าของบ้านเลขที่ 195/10และชาวบ้านกว่า 8 คน กำลังเร่งเก็บทรัพย์สิน เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และซากไม้ หลังคา และวัสดุอื่นๆหลังเมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ถูกลมพายุพัดและเกิดคลื่นทะเลสูงกว่า 2 เมตรซัดบ้านจนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และยังมีบ้านเรือนอีกหลายหลังคาเรือนได้รับความเสียหายอีก 7 หลังคาเรือน จากกระเบี้ยงหลุด และปลิวหายไปรวมกว่า 200 แผ่น
เวลา 10.00 น.นายชัยพฤกษ์ สนธิศิริ นายกเทศบาลตำบลแหลมงอบ และเจ้าหน้าป้องกันสาธารณภัย เดินทางเข้ามาตรวจสภาพความเสียหาย และแจ้งว่าจะใช้งบประมาณของทางปภ.ตราดช่วยเหลือในเบี้องต้นจำนวน 49,500 บาท นอกจากนี้ทางเทศบาลแหลมงอบจะนำถุงยังชีพ และวัสดุอื่นๆมาช่วยเหลือด้วย
ขณะที่นายศักริน เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ระหว่างเกิดคลื่นลมทะเลได้ออกไปทำประมงที่ช่องช้าง (ระหว่างฝั่งอำเภอแหลมงอบกับฝั่งอำเภอเกาะช้าง)และเพื่อนแจ้งว่า บ้านถูกพายุ และคลื่นทะเลซัดพังทั้งหลังจึงนำเรือประมงกลับมาและพบว่าบ้านพังทั้งหมด ทรัพย์สินที่มีอยู่เสียหายทั้ง เรียกว่าต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งน่าจะมีมูลค่ากว่า 3-4 แสนบาท
ขณะเดียวกันมีรายงานจากทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.ตราด(ปภ.ตราด)มีเรือประมงหลายลำได้รับความเสียหายและจมในช่วงเวลาเดียวกัน
ที่สะพานท่าเทียบเรือเพื่อการประมงอำเภอแหลมงอบ เรือประมงปั่นไฟขนาดความยาว 21 วา ชื่อ อ. ธมลวรรณ เทียบท่าอยู่ถูกคลื่นทะเลซัดเรือประมงและกระแทกกับท่าเทียบเรืออย่างแรงนานกว่า 15 นาที ทำให้ด้านท้ายเรือแตก และน้ำเข้าท้องเรือ ทำลายระบบไฟฟ้าทั้งหมดและเครื่องได้รับเสียหายซึ่งต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนจึงซ่อมแซมมาใช้ทำประมงได้ และเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
นายวิชัย ผากำเนิด เจ้าของเรือประมง อ.ธมลวรรณ 3 เปิดเผยหลังเที่ยงคืนมีพายุพัดเข้าหาฝั่งและเกิดคลื่นทะเลขนาดใหญ่ที่สูงถึงระดับเดียวกับสะพานซัดเข้ามา ทำให้เรือประมงกระแทกกับท่าเทียบเรือได้รับความเสียหายที่ท้ายเรือ และเรือประมงอีกลำก็ได้รับความเสียหายเป็นเสาในเรืออีก 20 กว่าอัน ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท และต้องใช้เวลา 2 เดือนจึงจะกลับมาทำประมงได้
ส่วนที่ท่าเรือวสันต์ บ้านแหลมอวน ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราดเรือประมง(เรือไดฟ์) จำนวน 3 ลำ ชื่อ โชคธีรภัทร 1 โชคธีรภัทร 2 และเรือปั่นไฟอีก 1 ลำ ได้รับความเสียหายจากพายุและคลื่นทะเลที่ซัดได้รับความเสียหาย โดยเรือโชคธีรภัทร 1ถูกคลื่นทะเลซัดเข้ามาจากปลายสะพานเข้ามาถึงต้นสะพานไกลกว่า 300 เมตรเนื่องจากเชือกที่ผูกไว้ขาด
และมากระแทกกับท่าเทียบเรือข้างเรือทำให้ได้รับความเสียหาย และโชคธีรภัทร 2 พลิกตะเเครงและจมไปครึ่งลำ ส่วนเรือปั่นไฟจมไปทั้งลำเหลือเพียงเก๋งเรือและเสากระโดงเรือเท่านั้น ซึ่งทั้งสามลำอยู่ระหว่างการกู้เรือขึ้นมา และประมาณค่าเสียหายไว้กว่า 5 แสนบาท …