"ทิพานัน" ลุยลงพื้นชุมชนจอมทอง-ธนบุรี ทำความเข้าใจพี่น้องประชาชนหากพบการติดเชื้อ ก่อนเข้ารับการรักษา วอนขอหน่วยตรวจเชื้อโควิดเคลื่อนที่ ตรวจเชิงรุกชุมชนขนาดใหญ่จอมทอง-ธนบุรี  พร้อมสำรวจที่ตั้งโรงพยาบาลสนามหากเกิดเหตุกรณีฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี  อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะพบการติดเชื้อจำนวนมากในชุมชนขนาดใหญ่ เช่นชุมชนคลองเตย ตนมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ตนได้ลงพื้นที่ชุมชนในเขตจอมทอง-ธนบุรี ต่อเนื่องกว่า 100 ชุมชน รวมถึงหมู่บ้าน-คอนโด อีกกว่า 20 โครงการ ในช่วงโควิดระบาดรอบใหม่นี้ ตนได้ปฏิบีติตาม ศบค. อย่างเคร่งครัด และวันนี้ตนก็ได้มาลงพื้นที่ จอมทอง 12 ริมคลองหมู่บ้านชวลิต และชุมชนจอมทอง เขตจอมทอง ซึ่งทั้ง 2 ชุมชนนี้เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก หากมีการติดเชื้ออาจมีการแพร่ระบาดในวงกว้างได้ จึงได้เร่งหาแนวทางในการป้องกันและเตรียมรับมือเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตในอนาคตเพื่อช่วยเสริมและแบ่งเบาการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยตนและทีมงานให้อ้นดูแลได้นำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจถึงสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน และกระบวนการขั้นตอนในการปฏิบัติหากพบผู้ติดเชื้อ รวมทั้งกรณีที่พบว่าตนเองติดเชื้อ การแยกกักตัวกับคนในบ้านที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ก่อนเข้ารับการรักษา รวมทั้งทำความเข้าใจหากพี่น้องประชาชนจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม ว่าเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลักที่จำเป็นต้องรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหนัก แต่ยังได้รับการบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด เพื่อให้พี่น้องประชาชนคลายความวิตกกังวล และสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องหากต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว “อยากให้มีหน่วยตรวจเชื้อโควิดเคลื่อนที่เข้ามาในชุมชนขนาดใหญ่แบบนี้ มาดำเนินการค้นหาเชิงรุกและให้บริการพี่น้องประชาชนที่เข้าข่ายและมีความเสี่ยง เพื่อดำเนินการต่อให้เหมาะสม อย่างไรก็ตามตนได้บอกถึงนโยบายต่างๆ เช่นการจองวัคซีนโควิด ของรัฐบาล ควบคู่ไปกับการลงพื้น เพื่อความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องด้วย”น.ส.ทิพานัน กล่าว น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ตนยังได้สำรวจหาพื้นที่แยกกักในชุมชุน กรณีหากเกิดวิกฤตซึ่งโชคดีที่ทั้ง 2 ชุมชนมีพื้นที่โล่งกว้างเหมาะสำหรับจัดเตรียมเป็นพื้นที่แยกกัก หรือโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจได้ทั้งวัด และโรงเรียน อย่างไรก็ตามหากเลือกได้ตนไม่ต้องการให้พบการติดเชื้อหรือการแพร่ระบาดในชุมชนใดทั้งสิ้น แต่ในภาวะเช่นนี้ต้องมีการเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินพี่น้องประชาชนจะได้เข้าถึงข้อมูล ไม่ตื่นตระหนก สามารถดูแลตนเองและผู้อื่นในครอบครัว และชุมชนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดภาระของบุคคลากรทางการแพทย์ และผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เชื่อว่าหากมีการดำเนินการเช่นนี้ในชุมชนต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงจะสถานการณ์การแพร่ระบาดในกรุงเทพมหานครจะคลี่คลายได้ในเร็ววัน