รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์ให้ความเห็นผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า การระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่นี้เป็นการระบาดที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการระบาดมา แม้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มแต่ละวันจะอยู่ที่หลักพัน ไม่ใช่หลักหมื่น ไม่ใช่หลักแสนแบบอินเดีย แต่การระบาดครั้งนี้กระจายเป็นวงกว้างที่สุดตั้งแต่เริ่มระบาดมา ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกว่า การระบาดเริ่มใกล้ตัวเข้ามาทุกที ที่น่ากลัวมากอีกอย่างคือ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีผู้เสียชีวิตค่อนข้างมาก แม้จะอธิบายได้ว่า ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดไม่เป็นผู้สูงอายุ ก็เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากพวกเขาไม่ติดเชื้อโควิด 19 พวกเขาก็ยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก หากลองวิเคราะห์ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้สภาพการระบาดของโควิด 19 ที่ตลอดมาเราเอาอยู่ จนมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ น่าจะพบว่ามีปัจจัยที่เป็นสาเหตุ 3 ประการคือ 1. การตัดสินใจของรัฐบาลในการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมใน COVAX 2. ความสำเร็จในการการปฏิรูปประเทศ 3. การตัดสินใจของศบค และรัฐบาลเกี่ยวกับวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา สาเหตุประการที่ 1 COVAX คือการรวมตัวกันขององค์กรระดับโลกต่างๆคือ WHO หรือ World Health Organization, GAVI หรือ Global Alliance for Vaccines and Immunization ,CEPI หรือ Coalition for Epidemic preparedness Innovations และThe Vaccines Alliance เพื่อเป็นศูนย์กลางของโลกในการติดต่อ เจรจาต่อรองเพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กับประเทศต่างๆที่เข้าร่วมในข้อตกลงที่กำหนดขึ้น การรวมตัวกันของประเทศต่างๆทำให้มีอำนาจต่อรองสูงและเป็นหลักประกัน ทำให้กับบริษัทยามีความมั่นใจที่จะลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และลงทุนขยายกำลังการผลิตวัคซีนเมื่อพัฒนาสำเร็จ ซึ่งอัตราความสำเร็จขกองการพัฒนาวัคซีนตามสถิติในปัจจุบันมีอัตราที่ต่ำมาก สำหรับประเทศยากจน COVAX จะช่วยเป็นตัวกลางจัดหาวัคซีนให้ฟรี อย่างน้อย 20 % ของจำนวนประชากร สำหรับประเทศที่ไม่ยากจน จนถึงประเทศร่ำรวย หากเข้าร่วม จะต้องร่วมจ่ายเงินลงทุนล่วงหน้าใน COVAX เพื่อช่วยสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตต่างๆพัฒนาวัคซีนในขณะที่ไม่มีหลักประกันว่าจะพัฒนาได้สำเร็จหรือไม่ การร่วมลงทุนมี 2 แบบคือ แบบ committed purchase arrangement และแบบ optional purchase arrangement แบบแรกจำนวนเงินที่ต้องลงทุนน้อยกว่า แต่ไม่มีโอกาสเลือกว่าจะรับหรือไม่รับวัคซีนของบริษัทใด คือจัดยี่ห้อไหนให้ก็ต้องรับ แบบหลังต้องลงทุนมากกว่า แต่มีสิทธิปฏิเสธไม่รับวัคซีนของบริษัทใดก็ได้ แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะได้รับวัคซีนของบริษัทที่ตัวเองต้องการเมื่อใด ในจำนวนเท่าใด ต้องไม่ลืมว่า ณ เวลาที่มีการตัดสินใจเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมใน COVAX ของประเทศต่างๆ ยังไม่มีใครทราบว่าบริษัทใดจะสามารถพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จบ้าง และช้าหรือเร็วแค่ไหน ประเทศที่จัดว่าเป็นประเทศยากจนย่อมไม่ต้องคิดมากที่จะเข้าร่วมใน COVAX ประเทศร่ำรวยเช่นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ก็จะเข้าร่วมใน COVAX จ่ายเงินก้อนโต ในขณะเดียวกันก็ทำการเจรจาแบบทวิภาคีกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างๆไปพร้อมๆกัน ประเทศร่ำรวยบางประเทศจึงได้รับวัคซีนเร็ว และมีเหลือเฟือสำหรับฉีดให้ประชาชน แต่นั่นทำให้ประเทศยากจนได้รับวัคซีนช้าลง ขณะนี้ก็เริ่มมีปัญหาในการจัดหาวัคซีนให้กับประเทศยากจน เนื่องจากวัคซีนเริ่มขาดแคลน โดยอาจจะไปอยู่กับประเทศร่ำรวยที่ทุ่มเงินซื้อไว้เป็นส่วนใหญ่ ประเทศไทยไม่ได้ถูกจัดให้เป็นประเทศยากจน การเข้าร่วมใน COVAX จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับความช่วยเหลือแบบให้เปล่า หลังจากดูท่าทีอยู่พอสมควร รัฐบาลไทยตัดสินใจไม่เข้าร่วมใน COVAX โดยมุ่งเจรจากับ บริษัท Astra Zeneca ด้วยความร่วมมือของบริษัท SCG และสามารถบรรลุข้อตกลงในการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เพื่อสามารถผลิตวัคซีนได้ในประเทศไทย โดยบริษัท Siam Bio Science ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ผลิตในประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มนำออกสู่ประชาชนได้ในเดือนมิถุนายนนี้ การมีฐานการผลิตภายในประเทศ แม้อาจจะได้รับวัคซีนช้าไปบ้าง แต่เมื่อพร้อมที่จะผลิตได้แล้ว จะเป็นหลักประกันว่าวัคซีนจะไม่ขาดแคลนแน่ๆในประเทศไทย สาเหตุประการที่ 2 การปฏิรูปประเทศ สิ่งที่ได้จากการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ มีเพียงรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง และพรปฉบับต่างๆ โดยเฉพาะพรป ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หากไม่นับแผนยุทธศาสตร์ 30 ปี ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่ไม่มียุทธศาสตร์แล้ว การปฏิรูปประเทศทำสำเร็จเพียงเป็นตัวหนังสือในไฟล์ หรือในแผ่นกระดาษเป็นตั้งๆเท่านั้น หากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำการปฏิรูปตำรวจสำเร็จ การลักลอบนำแรงงานต่างชาติเข้ามาอย่างผิดกฎหมายก็อาจมีน้อยลง สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ที่เป็นต้นตอของการแพร่เชื้อระลอกใหม่ ก็คงเปิดไม่ได้ การแพร่ระบาดครั้งหลังนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น แผนการเปิดการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นบางจังหวัด เช่นจังหวัดภูเก็ตก็คงไม่ต้องชะงักงัน สาเหตุประการที่ 3 เนื่องเพราะการระบาดระลอกล่าสุดเกิดขึ้นใกล้วันหยุดสงกรานต์ ทุกคนมีแผนท่องเที่ยว หรือแผนการเดินทางกลับบ้านกันหมดแล้ว มีการจองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ รถโดยสาร และจองที่พักกันหมดแล้ว คาดว่ารัฐบาลคงกลัวถูกโจมตีจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่คอยหาช่องอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไม่ประกาศ lock down กรุงเทพฯ และจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพราะกลัวจะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังจะกระเตื้องขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และกระจายตัวไปอย่างกว้างขวางมากหลังวันหยุดสงกรานต์บ่งชี้ว่า การตัดสินใจไม่ lock down แม้ทำให้เศรษฐกิจไม่ถึงกับชะงักงัน แต่นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เนื่องจากการตัดสินใจโดยมองที่ผลทางเศรษฐกิจระยะสั้น ทำให้เกิดผลลบทั้งในทางการแพร่ระบาด การเสียชีวิต และผลลบทางเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การวิจารณ์การตัดสินใจหลังจากที่การตัดสินใจนั้นๆผ่านไปแล้ว และผลแห่งการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้วเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าการตัดสินใจนั้น ผิดหรือถูก ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรม เราควรต้องนึกภาพด้วยว่า หากเราเป็นผู้ตัดสินใจ ในสถานการณ์ขณะนั้น ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนั้น การตัดสินใจของเราจะแตกต่างจากผู้ที่เรากำลังวิจารณ์หรือไม่ หากเราเป็นนายกรัฐมนตรี เราจะตัดสินใจเข้าร่วมใน COVAX หรือไม่ เราจะตัดสินใจ lock down ไม่ให้มีการเดินทางในข่วงวันหยุดสงกรานต์หรือไม่ จะว่าไปเรื่องปฏิรูปตำรวจ ก็ยังไม่มีรัฐบาลไหน มาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากรัฐประหารทำได้ เพียงแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำท่าทีขึงขังกว่ารัฐบาลอื่นๆที่ผ่านมา แต่แล้วก็เหลว มาถึงขั้นนี้แล้ว ย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้ เราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะตัองลงทะเบียนจองวัคซีนตามสิทธิ์ตามลำดับความสำคัญก่อนหลังให้เร็วที่สุด ไม่ต้องคิดมากว่าจะไม่ฉีดดีกว่าหรือไม่ หรือวัคซีนที่จะให้เราฉีด จะดีพอหรือไม่ เพราะไม่มีวัคซีนของบริษัทไหนดีพร้อมไปทุกอย่าง วัคซีนของ Pfizer ที่ว่าดีที่สุด เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งทดลองใช้เป็นครั้งแรก เวลาทดลองมีน้อย จึงยังไม่มีใครบอกได้ 100 % ว่าจะมีผลข้างเคียงในระยะยาวหรือไม่ อย่างไร ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป หากทุกคนร่วมมือกัน สถานการณ์โควิดควรจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะการฉีดวัคซีนจะครอบคลุมจำนวนคนมากขึ้นเรื่อยๆ และเบาใจได้เลยว่า ประเทศไทยจะไม่ประสบภาวะขาดแคลนวัคซีนอย่างแน่นอน