“ทักษิณ” จี้รบ.เปิดเสรีนำเข้า “วัคซีน” แนะให้ฟังคนรุ่นใหม่ อยากย้ายประเทศ ไม่ใช่ “ไม่รักชาติ” ด้าน “แรมโบ้” ซัดกลับ “ทักษิณ” ไม่หวังดีต่อประเทศ หาช่องทางโจมตีนายกฯ ขอหยุดเคลื่อนไหว สร้างความขัดแย้ง “ปชป.”สุดทน! อัดกลุ่มย้ายประเทศ หวังดิสเครดิตรบ. มั่นใจไม่มีใครคิด นอกจากพวกหนีคดี “สมาคมองค์การพิทักษ์ รัฐธรรมนูญไทย” บุกสน.พหลโยธินแจ้งจับกลุ่มราษฎร-REDEMชุมนุมหน้าศาลหมิ่นตุลาการ “ธรรมนัส” รอด! มติศาลรธน. ชี้โทษจำคุกตปท.ไม่ส่งผลถึงไทย
เมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุค CARE คิด เคลื่อน ไทย ได้เผยแพร่การสนทนาในคลับเฮ้าส์ ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้ชื่อว่าTony Woodsome พูดคุยกับสมาชิกในกลุ่ม พร้อมตอบข้อซักถามต่างๆโดยตอนหนึ่งได้พูดถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 และการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า ว่า “การเลือกซื้อวัคซีนของไทย 2 ยี่ห้อ ตนงงว่าทำไมเลือกวัคซีนเลือก 2 ยี่ห้อนี้คือ เอสตร้าเซเนก้ากับซิโนแวค ในเมื่อทั้งโลกรู้ว่า ต้องไฟเซอร์กับโมเดอร์นา ถ้าจีนต้องซิโนฟาร์ม ก็ไม่รู้ว่าทำไมไทยถึงเลือก 2 ยี่ห้อนี้ วันนี้ มีการนำวัค ซีนไฟเซอร์ เข้ามาในประเทศไทยแล้ว แต่เอาเข้ามาไม่มาก คงเอามาใช้กับไม่กี่คน เรื่องพวกนี้ ข้อมูลไม่มีอะไร เป็นความลับ วันนี้หากสั่งไม่ได้ ทำไมไม่ยืมมาก่อน อย่างสปุตนิก หากให้ 10 ล้าน เอามา ล้านหนึ่งก่อนได้ไหม ต้อง ag gressive พอ วันนี้ วัคซีนยังไงก็ต้องใช้ รัฐบาลต้องเปิดเสรีนำเข้าวัคซีนได้แล้ว ภาคเอกชนจะออกเงินเอา อะไรเอง จะห้ามทำไม วันนี้ต้องใจกว้าง อยากจะใช้งบหรือไง อย่าเป็นคนมีปัญหา ไปทุกเรื่อง"
นายทักษิณ ยังระบุว่า ในต่างประเทศมีวัคซีนเป็นของฟรีที่ให้กับประชาชน แต่สำหรับประเทศไทย วัคซีนกลับกลายเป็นของหายาก แม้แต่สลิ่มเอง ก็ยังอยากได้ไฟเซอร์ แต่มันไม่มีให้”
นอกจากนี้ เพจดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า “พี่โทนี่พูดถึงกระแสกลุ่ม #ย้ายประเทศกันเถอะ ว่า .....ผมตกใจมาก 4 วัน 7 แสนคน ผมคิดว่า สรุปแล้วเราไม่พยายาม จะเข้าใจประชาชน ไม่พยายามจะเข้าใจ คน Gen Z & Gen Yมันเป็นช่วงที่วิธีคิดเขาไม่เหมือนเรา ไม่เข้าใจกัน และไม่พยายามจะเข้าใจกัน ความไม่เข้าใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความไม่อยากฟังมีอำนาจก็ใช้แต่อำนาจเนี่ยไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วเด็กยุคนี้อย่าโกหกเขานะ ทำผิดเขาให้อภัยได้ แต่โกหกไม่ได้ อย่าไปก้าวล่วงชีวิตเขา เราต้องพยายามเข้าใจและฟังเขา เพราะทุกคนเกิดมาแล้ว ต้องดิ้นรน เพื่ออนาคต ตัวเอง มาบอกว่าพวกคนนี้ไม่รักชาติ บ้าไปแล้ว นี่มันไม่พยายามเข้าใจเขา..”
ด้าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายทักษิณ คงไม่หวังดีต่อประเทศอย่างแน่นอน แต่อยากอาศัยช่องทางนี้ เพื่อกล่าวโจมตี นายกฯและรัฐบาลมากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่านายทักษิณคงไม่ได้มีความหวังดีต่อประเทศจริงเหมือนที่พูด เพราะการพูดไม่ใช่เป็นการชี้แนะ แต่หวังผลซ้ำเติมรัฐบาลมากกว่า
“ถ้าคนอย่างแรมโบ้เป็นนายทักษิณเสียเอง คงต้องตอบไปในคลับเฮ้าส์ว่าถ้าผมได้กลับมาเป็นนายกฯได้อีกครั้งจะออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือคนกลุ่มใดอีกบ้าง จะเสนอโครงการอภิมหาโปรเจ็คอีกหลายล้าน ล้านบาทแล้ว ให้คนมาตั้งโต๊ะเรียกบริษัทฯรับเหมารายใหญ่ที่ผูกขาดมาเขกกระบาลเอาเงินทอนส่วนต่างเข้ากระเป๋าส่วนตัว โดยอ้างว่าเตรียมค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้กับพรรคตนเอง หรือจะออกแบบโครงการรับจำนำข้าวแบบจีทูเจี๊ยะ ยอมเสียสละให้ลูกน้องที่เป็น รมต.ติดคุก 48 ปี แต่นายทักษิณกับน้องสาวกลับหนีไปสุขสบาย ต่างประเทศ นี่ไงตัวอย่างวีรกรรมที่เคยสร้างไว้ ทำไมไม่คิดถึงเรื่องเก่าๆ เหล่านี้บ้าง อย่าคิดเพียงแค่โหนกระกระแสตีกิน ซ้ำเติมในยามที่ประเทศชาติ ประชาชนกำลังเจอมรสุม หวังเพื่อเหยียบย่ำซ้ำเติมให้จมดิ่งลงทะเลอย่างนั้นหรือ นี่หรือคือความหวังดีต่อบ้านเมืองและขอถามถึงกลุ่มแคร์ ที่เป็นสมุนเก่านายทักษิณทั้งหลาย ต้องการซ้ำเติมทำลายประเทศร่วมกับนายทักษิณใช่ไหม ถึงได้เชิญคนที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศมาร่วมกิจกรรม และกล่าวโจมตี คนในประเทศตัวเอง จึงเรียกร้องไปยังกลุ่มแคร์ ที่มีสมาชิกเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีวุฒิภาวะ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ไม่ควรที่จะจัดกิจกรรมใดๆแบบนี้ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมได้ ควรมีจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมืองมากกว่านี้”
ส่วน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีการพูดถึงการย้ายประเทศ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลว่า คงเป็นการจุดประเด็นเพื่อให้มีผลต่อรัฐบาล ทำลายความน่าเชื่อถือการปฏิบัติงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไม่เป็นผลดี และเชื่อว่า ไม่มีใครคิดย้ายประเทศ ยกเว้นคนที่หนีคดี หากไม่อยากติดคุก ก็ต้องหนีไปต่างประเทศก็มีให้เห็นมาก และชีวิตก็ลำบาก
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่มีกลุ่มอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มราษฎร กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่ม RE DEM นำมวลชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรม ที่ด้านนอก และด้านในศาลอาญา เพื่อแสดงสัญลักษณ์ โจม ตีศาล ผู้พิพากษา และเรียกร้องให้ศาลพิจารณาให้ประกันตัวแกนนำที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.และ วันที่ 2 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ประชาชนทุกคน สามารถนำความมาแจ้งความเอาผิดบุคคลที่ฝ่าฝืนกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนออกหมายจับเพื่อฟ้องร้องต่อศาล พิจารณาลงโทษ ตามครรลองของกฎหมายขั้นสูงสุดต่อไปได้
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.00น. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่ 51 ส.ส. ได้เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาฯ ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ สิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายอันถึงที่สุด ว่าได้กระทำผิดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออกหรือผู้ค้าซึ่งยาเสพติด ที่แม้เป็นคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ กรณีดังกล่าวย่อมทำให้ผู้ถูกร้องเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า คำพิพากษา ย่อมหมายถึงคำพิพากษาของรัฐนั้น ไม่หมายถึงคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ แม้ข้อเท็จจริงผู้ถูกร้องเคยต้องคำพิพากษาของศาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ก่อนรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จึงไม่ถือเป็นคำพิพากษาของศาลไทย ไม่ขาดคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นส.ส. หรือ รัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย