เมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ยื่นคำร้องคดีละเมิดอำนาจศาลที่กล่าวหา น.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 22 ปีชาวจังหวัดนครราชสีมา
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.64 เวลาประมาณ 12.30 น. มีมวลชนกลุ่ม“ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ประมาณ 300 คนได้มีการเชิญชวนกันมาทำกิจกรรมอื่นจดหมาย“ ราชอยุติธรรม” พร้อมทั้งยืนอ่านกลอน“ ตุลาการภิวัติ” ที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษกแขวงจอมพลเขตจตุจักรกรุงเทพมหานครโดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาในบริเวณศาลอาญาและรวมตัวกันบริเวณบันไดทางขึ้นด้านหน้าศาลอาญา (บริเวณหน้ามุกศาลอาญา) มีการใช้เครื่องขยายเสียงพร้อมทั้งตะโกนข้อความ“ ปล่อยเพื่อนเรา” จนกระทั่งเวลาประมาณ12.50 น. พ.ต.ท. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย รอง ผกก.ป.สน.พหลโยธินได้อ่านประกาศคำสั่งผู้ว่ากรุงเทพมหานครเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่อย่างใดต่อมาเวลาประมาณ 13.05 น. พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้ประกาศเรื่องการใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ชุมนุมให้อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อกำหนดของศาลและแจ้งให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ชุมนุมและผู้ชุมนุมยังคงมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมตะโกนด้วยข้อความต่าง ๆ อยู่เป็นระยะมีการพูดผ่านเครื่องขยายเสียงกล่าวโทษศาลยุติธรรมและตุลาการศาลยุติธรรมทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในศาลอาญาข้อ 2 ฝ
น.ส.เบนจา ได้แสดงพฤติกรรม คือเวลา 15.00 น.ได้วิ่งผ่านแนวรั้วแผงเหล็กที่กั้นอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นด้านหน้าศาลอาญา (บริเวณหน้ามุกศาลอาญา) พร้อมทั้งโปรยแผ่นกระดาษขณะวิ่งขึ้นบันไดโดยพยายามหลบหลีกเจ้าหน้าที่ศาลอาญาพร้อมตะโกนสรุปข้อความว่า“ ตุลาการเช่นนี้อย่ามีเลย” และเมื่อโปรยกระดาษเสร็จแล้วได้หยุดยืนอยู่บริเวณบันไดและพูดผ่านเครื่องขยายเสียงโดยหันหน้าเข้าหาเจ้าหน้าที่ศาลสรุปข้อความได้ว่า“ ขี้ข้าเผด็จการ ขี้ข้าเผด็จการพี่มองหน้าหนูพี่มองหน้าหนูเพื่อนหนูอดอาหารมา 40 กว่าวันแล้วเพื่อนเรากำลังจะตายไม่มีความเป็นมนุษย์กันเลยเหรอความยุติธรรมควรเป็นสิ่งที่พึงมีตั้งแต่แรกไม่ใช่ร้องขอศาลทำหน้าที่ผดุงความยุติธรรม แต่ทำไมถึงไม่มีความยุติธรรมให้กับเพื่อน เรารู้ว่าทำตามหน้าที่ รู้ว่าโดนนายสั่งมาคิดว่าหนูมายืนตรงนี้เนี่ยมันไม่ต้องแลกอะไรเหรอ เราทุกคนต่างสูญเสียเรา ทุกคนต่างสูญเสียในรัฐเผด็จการนี้ เราสูญเสียกันมามากพอแล้วเราจะต้องสูญเสียกันอีกเท่าไหร่ หากความเป็นคนในพวกคุณไม่มีเหลือแล้วเราจะไปถามหาความเป็นคนได้จากใครอีกปล่อยเพื่อนเราปล่อยเพื่อนเราปล่อยเพื่อนเราปล่อยเพื่อนเราได้ยินไหมหากรับใช้ใบสั่งอย่าง....ตุลาการเช่นนี้อย่ามีเลยตุลาการเช่นนี้อย่ามีเลย ปล่อยเพื่อนเรา หากศาลยังฟังอยู่หากศาลยังมีความยุติธรรมยังหลงเหลืออยู่ให้นึกถึงเวลาที่ท่านได้ตรากตรำอ่านตำราดึกดื่นเพื่อสอบเข้ามาเป็นผู้พิพากษาสอบเข้ามาเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับประเทศชาติสอบเข้ามาเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับประชาชน แต่ทำไมอุดมการณ์ของผู้พิพากษาไม่มีเหลือแล้วหรือ หากเราไร้ซึ่งอุดมการณ์เราจะมีค่าอะไรเป็นผู้พิพากษาอย่าหลงลืมอุดมการณ์แห่งการเป็นผู้พิพากษาคืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษาคืนความยุติธรรมให้ประชาชน” พร้อมโปรยกระดาษที่เหลืออีกครั้งต่อหน้าเจ้าหน้าที่ข้อ
การกระทำของนางสาวเบนจาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญาว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลอาญา พ.ศ.2564 ฉบับลงวันที่17 มี.ค.64 จึงให้เรียกมาไต่สวนฐานละเมิดอำนาจศาลในวันที่ 27 พ.ค.64 เวลา13.30 น. และลงโทษตามกฎหมายต่อไปเหตุตามคำกล่าวหา เกิดที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษกแขวงจอมพลเขตจตุจักรกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญายังได้ยื่นขอให้ดำเนินคดีคดีละเมิดอำนาจศาลอีก2คนซึ่งเป็นเหตุการณ์วันเดียวกันกับ น.ส.เบนจา คนเเรกคือนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง อายุ28 มีพฤติการณ์สรุปว่านายชินวัตร ได้ร่วมชุมนุมโดยยืนอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นด้านหน้าศาลอาญา (บริเวณหน้ามุกศาลอาญา) ได้พูดผ่านเครื่องขยายเสียงด้วยข้อความว่า“ ผมขอประกาศวันที่ 30เม.ย.64นี้ผมจะเดินทางมาศาลอาญารัชดาแห่งนี้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมก้าวขึ้นศาลผมจะไม่เคารพต่อศาลอาญารัชดาแห่งนี้อีกต่อไปครับพี่น้องอะไรจะเกิดให้มันเกิดต่อไปนี้เราจะไม่เคารพศาลอีกต่อไปในเมื่อศาลทำตัว...แบบนี้ขอให้พี่น้องแชร์ทั้งโลกให้โลกรู้ว่า ศาลไทยมีฆาตกรได้ ฆาตกร ไอ้ฆาตกรไอ้ฆาตกรไอ้...แม่” โดยนายชินวัตร เป็นคนเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2ในคดีละเมิดอำนาจศาลของศาลอาญาหมายเลขคดีดำที่ลศ .1/2564
คนที่สอง นายณัฐชนน ไพโรจน์ อายุ 21 ปี พฤติการณ์สรุปว่า นายณัฐชนน ได้เข้าร่วมชุมนุมโดยยืนอยู่บริเวณด้านหน้าบันไดทางขึ้นด้านหน้าศาลอาญา (บริเวณหน้ามุกศาลอาญา) ได้พูดผ่านเครื่องขยายเสียงมีข้อความว่า“ ผมขอไม่นับว่าท่านจบที่ธรรมศาสตร์ที่เดียวกับผมเพราะท่านไม่เคยรักประชาชนเหมือนที่มหาลัยสอนคุณมันไร้กระดูกสันหลัง ถ้าคุณไร้กระดูกสันหลังคุณก็ไม่ได้ตั้งตรงเหมือนกับคนทั่วไป” การกระทำของนายณัฐชนน เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญาว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลอาญา จึงให้เรียกมาไต่สวนฐานละเมิดอำนาจศาลและลงโทษตามกฎหมายต่อไป
โดยศาลนัด นายชินวัตรเเละนายณัฐชนน ไต่สวนวันที่ 19 พ.ค. เวลา 13.30 น.