กรุงเทพฯ – 2 พฤษภาคม 2564 – เนื่องในวันทูน่าโลก บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจทูน่ากระป๋องของโลก ตอกย้ำเป้าหมายในการจัดหาปลาทูน่าได้อย่างยั่งยืนร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้าแบรนด์ภายใต้บริษัทไทยยูเนี่ยน นับเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจของทไทยยูเนี่ยนในการ ทำงานด้านความยั่งยืนของท้องทะเล ไทยยูเนี่ยนมีการทำงานด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาสามารถจัดหาปลาทูน่าอย่างยั่งยืนได้ 75 เปอร์เซ็นต์ตามเป้าหมาย โดย 90 เปอร์เซ็นต์ของปลาทูน่าที่บริษัทฯ จัดหามาได้นั้น ได้จากการประมงที่ถูกต้องตามสำนักงานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานสินค้าประมง หรือ Marine Stewardship Council (MSC) หรือ โครงการพัฒนาการประมงหรือ Fishery Improvement Projects (FIPs) “ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลากระป๋องทูน่าที่ใหญ่ที่สุดของโลก เรามีหน้าที่ในการเป็นผู้นำและตั้งเป้าหมายในการปรับปรุงพัฒนาอย่างมีนัยยะ” ดร.แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “แรกเริ่มที่เราประกาศจุดยืนในการจัดหาทูน่าอย่างยั่งยืนขึ้นในปี 2559 นั้น เราตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการจัดหาปลาทูน่าของอุตสาหกรรมทั่วโลก ปัจจุบันเราเข้าใกล้เป้าหมายเรามากขึ้นยิ่งขึ้น ด้วยความตั้งใจของบริษัทที่จะผลิตสินค้าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและดูแลเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศไปด้วยกัน” รายละเอียดของการทำงานของบริษัทไทยยูเนี่ยนด้านการจัดหาปลาทูน่าอย่างยั่งยืนนั้นสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรายงานประจำปีด้านความยั่งยืนของบริษัทซึ่งจะมีการตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคมนี้ ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องโดยดูแลการผลิตทั้งบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าจะยังมีทรัพยากรปลาทูน่าให้กับคนรุ่นต่อไป ควบคู่ไปกับการผลิตสินค้าที่ดีต่อสุขภาพให้กับผู้บริโภคหลายล้านคนทั่วโลก ด้วยแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทที่เป็นที่รู้จัก อาทิ Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Rügen Fisch, แบรนด์ SEALECT ในประเทศไทย เมื่อต้นปีนี้ ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศจับมือกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลก The Nature Conservancy ประกาศเจตนารมณ์ในการทำงานด้านความโปร่งใสของซัพพลายเชนในการจัดหาปลาทูน่าทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการเริ่มใช้ระบบดิจิตัลในการตรวจสอบเรือประมงของคู่ค้าในซัพพลายเชน การติดตั้งกล้องวิดีโอ จีพีเอส และระบบเซนเซอร์ เพื่อติดตามผู้คนและกิจกรรมต่างๆ บนเรือได้โดยอัตโนมัติ ไทยยูเนี่ยนยังคงปรับปรุงการดูแลแรงงานในภาคการประมงอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปี ไทยยูเนี่ยนมีการตรวจสอบเรือประมงทูน่าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ ว่าได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงตามที่บริษัทได้ประกาศไว้ในปี 2560 หรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางให้กับเรือประมงที่จัดหาปลาทูน่าให้กับบริษัท สุดท้ายนี้ ไทยยูเนี่ยนปฎิบัติตามมาตรการของมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล หรือ International Seafood Sustainability Foundation (ISSF) ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นมาตรการการอนุรักษ์ที่ดำเนินตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อปรับปรุงการประมงทูน่าในระยะยาว โดยรวมถึงความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ห้ามไม่ให้จับปลาฉลาม และกำจัดการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมได้สำเร็จ เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 132,402 ล้านบาท (4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ได้แก่ UniQ™BONE, UniQ™DHA และ ZEAvita จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 7 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2563 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน