จากกรณีการเสียชีวิตของตลกชื่อดัง “น้าค่อม ชวนชื่น” ซึ่งด่วนลาลับหลังเข้ารักษาอาการป่วยติดเชื้อโควิด ท่ามกลางความตกใจและอาลัยของคนในวงการบันเทิง ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีการเสียชีวิตดังกล่าว โดยมีข้อความ ระบุว่า...ปรากฏการณ์ “น้าค่อม”
น้าค่อมต้องต่อสู้อย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เพราะติดเชื้อโควิด จึงไม่ได้มีโอกาสให้ญาติ มิตร ครอบครัว เข้าเยี่ยมขณะอยู่โรงพยาบาล จนกระทั่งแม้เสียชีวิต ก็ต้องสวดแล้วเผาทันที เพราะมีเชื้อโควิด ไม่สามารถจัดงานศพได้
มีคนเสียชีวิตด้วยการติดเชื้อโควิดกว่าร้อยคน แต่ “น้าค่อม” เป็นตำนานตลกของคนไทยที่คุ้นเคย จึงรู้สึกช็อก หากมี “วัคซีน” คนไทยจำนวนมาก รวมทั้งน้าค่อมคงไม่ตาย งานจึงเข้ารัฐบาล ตอกย้ำว่า “ประเมินพลาด” ดันไปเบาใจ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำ รัฐบาลคุมอยู่ ไม่ได้วางแผนจัดซื้อวัคซีน เล่นตัว ด้วยเหตุใดจริงๆ ทราบ แต่เอาเป็นว่าไม่ต้องพูด
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ รัฐบาลจะไม่ทราบเลยหรือว่า วัคซีนคือ “ทางออกหนีไฟ” ในเรื่องโควิด อย่างที่รัฐบาลทั่วโลกเข้าใจตรงกัน รีบหาวัคซีนฉีดให้ประชากร ไม่สนว่ายี่ห้อไหน ถึงขนาดนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีทั่วโลก โทรหาประธานบริษัทไฟเซอร์โดยตรง
ไม่ว่านายกรัฐมนตรีประเทศอิสราเอล โทรหาถึง 30 ครั้ง ตื๊อเช้าตื๊อเย็น ขอให้ขายวัคซีนให้ประเทศเขา หรือประเทศญี่ปุ่น นายกฯ ของเขาก็โทรตรงหาเอง เพราะรู้ว่า วัคซีนไม่ใช่แค่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่เท่านั้น แต่มีผลถึงเศรษฐกิจประเทศ ทำให้เปิดประเทศได้เร็ว โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างไทยแลนด์
แถมประเทศอื่นยังกักตุนไว้เกินกว่าจำนวนประชากรที่มีเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ใช่แค่ฉีด 2 เข็มแล้วพอ แต่ปีหน้าก็ต้องวางแผนฉีดอีกทุกๆ ปี ส่วนประเทศไทยแดนสนธยา เพิ่งตื่นเอาเมื่อก่อนสงกรานต์นี่เอง ตอนทองหล่อ คริสตัลคลับระบาดหนัก เนื่องจากคนรวยทำคนจนซวยทั่วประเทศ
เที่ยวนี้ออกข่าวเดินสายคุยสารพัดยี่ห้อวัคซีน ทั้งๆ ที่ประเทศอื่นเขาคุยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เราชิลล์ๆ แล้วแทงหวยอยู่แค่ 2 เบอร์ 2 ยี่ห้อ แถมยี่ห้อนึงประสิทธิภาพต่ำแค่ 50% เศษๆ กระแสวัคซีนในสังคมที่ตอนนี้เกิดขึ้น จึงไม่ใช่แค่ “ทัวร์ลง” แต่เป็น “ระเบิดลง” รัฐบาล
แม้แต่ตอนนี้ ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะออกมาตรการ ปีที่แล้วตัวเลขต่ำ ยังปิดห้าง เปิดแค่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ปีนี้ตัวเลขพุ่งสูงปรี๊ด ก่อนสงกรานต์เห็นนรกมารอต่อหน้า ดันไม่กล้า “ล็อคดาวน์” แล้วมาประดิษฐ์คำพูด “ขอความร่วมมือ” เอาตอนแพร่ระบาดหนักหลังสงกรานต์ แทนที่จะล็อกดาวน์ไปเลย ชาวบ้านเขาเจ็บมานานแล้ว ยอม “เจ็บแต่จบ” แต่นี่ “เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
คงกลัวเสียเงินเยียวยา หากเอาเงินไปซื้อวัคซีนตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนที่เกิดระบาดหนักๆ มีตัวอย่างให้เห็น เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกา คงไม่บรรลัยถึงขนาดนี้ ตอนนี้ แม้แต่ร้านอาหารก็ไม่ให้นั่งกิน พาซวยไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวมันไก่ ปิดหมด
แต่ดันให้ห้างเปิดได้ แม้ไม่มีคนเดิน มีแต่หมาเดิน หากมันรู้จักการเดินช็อปปิ้งในห้าง นี่ถ้าน้าค่อมอยู่ คงเอ่ยวลีคุ้นหูว่า “ไอ้สัส”
RIP น้าค่อม ขอให้ไปสู่สุขคติ เป็นดาวตลกบนฟ้านะครับ