เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแสในโลกออนไลน์เรื่องรถเมล์คนแน่นมาก ดังที่บางคนระบุพร้อมโชว์ภาพว่า “แน่นไปจนถึงบันไดประตูรถเมล์เลยค่ะ ชีวิตมีความเสี่ยงมากค่ะ กลัวจะติดเชื้อโควิดค่ะ ให้ภาพเล่าเรื่องดีกว่านะคะ เพราะมันสวนทางกับที่ทาง ศบค. หรือทางรัฐบาล อยากให้รักษาระยะห่าง social distacing มากเลยค่ะ ... คือตอนแรกที่ดิฉันขึ้นรถเมล์ โชคดีที่ได้ขึ้นต้นทางค่ะ จึงได้นั่งและบนรถก็ยังโล่งอยู่ แต่ต่อมาคนเริ่มทยอยขึ้นรถเมล์คันนี้เพิ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพวกเราทุกคนต่างก็อยากเดินทางกลับบ้านเพื่อนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมากจากการทำงาน จึงจำเป็นต้องขึ้นรถเมล์คันเดียวกันดังกล่าว คนบนรถเบียดกันจนดิฉันนึกถึงเพลงของวงซาซ่าอยู่เพลงหนึ่งคะ ชื่อเพลง ‘เลือกได้ไหม?’ ... แล้วฉันเลือกอะไรได้มั้ย เลือกให้เธอไม่ไปได้หรือเปล่า ?” จากกรณีดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะได้เคยเตือนไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ท่านต้องเข้าใจเสียใหม่ว่า ขสมก. เป็นบริการสาธารณะ อย่ามองเรื่องกำไรหรือขาดทุน ในกรณีนี้ต้องเพิ่มความถี่เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างคน ไม่ใช่ลดเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถ และนี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในฐานะรัฐมนตรีที่ต้องกำกับดูแลไม่ให้ไปซ้ำเติมสถานการณ์ทางสาธารณสุขและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ท่านต้องทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง “ต้องเข้าใจหัวอกประชาชนบ้างว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถหยุดอยู่บ้านเฉยๆแล้วมีเงินใช้ได้ และไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะซื้อรถยนต์ส่วนตัว เรียกแท็กซี่ หรือขึ้นรถไฟฟ้าราคาแพง อย่าลืมว่าโควิดรอบนี้รัฐบาลที่ท่านนั่งร่วมอยู่ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วมีแต่คำสั่งบังคับให้ประชาชนทำนั่นทำนี่ แต่มาตรการเยียวยาช่วยเหลือกลับไม่มีให้เห็นออกมาเลย” ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สุรเชษฐ์ ได้เคยแสดงความเห็นในเฟซบุ๊กถึงกรณี ขสมก.ปรับลดเที่ยววิ่งรถโดยสารทุกประเภท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า การลดเที่ยววิ่ง เป็นการลด ‘ความถี่’ ของการให้บริการ ทำให้ผู้ใช้บริการต้องรอนานขึ้น ส่วนการที่รถโล่งขึ้นก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้วในช่วงโควิด เพราะเป็นการรักษาระยะห่างระหว่างคน รัฐมนตรีควรเข้าใจว่า รถเมล์เป็นบริการสาธารณะที่รัฐควรอุดหนุนโดยไม่ลดระดับการให้บริการความถี่ ซึ่งก็คือการใช้เงินภาษีอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยโดยตรง นอกจากนี้ เขายังแนะนำว่า เมื่อรัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชน ประชาชนก็ต้องดูแลตัวเอง โดยแนะนำให้ใช้ ‘Via Bus’ แอปติดตามรถเมล์บนมือถือที่อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนเดินทางอย่างมีความหวังขึ้น เพราะสามารถทราบพิกัดรถเมล์แบบเรียลไทม์ได้ด้วย GPS