“พรรคร่วมฝ่ายค้าน”ออกแถลงการณ์บี้รบ.ล้มเหลวทุกด้าน จ่อยื่น“ป.ป.ช.”ฟัน “บิ๊กตู่”ขัดรธน.มาตรา33-กม.อาญา มาตรา157 พร้อมไล่ลาออกสถานเดียว ด้าน“สิระ”ไล่ฝ่ายค้านอายุรวมกว่าพันปี ยังไร้สมอง ส่วน“บิ๊กป้อม”ฉุนสื่อถามย้ำเรื่องแบ่งงานรมต. ยันพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเอกภาพ ลั่นการเมืองเอาไว้ก่อน “จุรินทร์” ชี้ปมแบ่งงานรมต.จบแล้ว ปัดไม่มีข้อมูลคนเม้าท์นายกฯ
เมื่อวันที่ 28เม.ย.64 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครอง และเข้าบริหารราชการแผ่นดิน รวมเวลาที่อยู่ในอำนาจเกือบ 7 ปี แต่การบริหารประเทศ กลับล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ และความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ประกอบด้วย 1.การล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน การฉีดวัคซีน 2.การล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ ตลอดเวลาที่บริหารมาเกือบ 7 ปีกว่า ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว การระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ล้มเหลวที่สุดในโลกด้านเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวช้าที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน และ3.การล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้อง ทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือและข้ออ้าง เพื่อดำรงไว้ ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน โดยไม่ได้ใช้เพื่อการควบคุมการระบาดแต่อย่างใด หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอรัปชั่นในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันให้ฝ่ายกฏหมายรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีของนายกฯ โดยจะยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 53 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยได้ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตไปจำนวนมากต่อไป
สุดท้ายนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว และไม่กระทำการใดๆที่จะเป็นการวางกับดัก ต่อท่ออำนาจของตนเองต่อไป
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนดูจากข่าว เห็นบรรดาที่นั่งแถลงข่าว อายุรวมกันคงจะใกล้ 1,000 ปีแล้ว ขอถามกลับไปว่าคนพวกนี้กำลังใช้ความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์โรคระบาดมาเป็นเครื่องมือต่อรองอำนาจให้กับพวกพ้องตัวเองใช่หรือไม่ พวกคุณกินเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน มุ่งเน้นแค่จะดิสเครดิต โจมตีการทำงานของรัฐบาล ตนอยากจะรู้ว่า เสี้ยวสมองส่วนใดที่มีจิตสำนึก คิดจะร่วมมือช่วยนำพาประเทศและประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤต หรือว่าสมองไม่เคยคิดเรื่องดีๆ
ส่วน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแบ่งงานรัฐมนตรีดูแลพื้นที่ภาคใต้ว่า น่าจะเป็นที่ยุติแล้วโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ยึดถือคำสั่งแรกไปก่อน และมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นผู้ประสาน ซึ่งนายวิษณุได้หารือกับตน และยืนยันให้ทราบอีกครั้งหนึ่งว่าขณะนี้ให้ถือคำสั่งที่ 1 ที่รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคใต้ แปลว่าหลังจากนี้จะดำเนินการในเรื่องของการทำข้อเสนอไปยังนายกฯเพื่อพิจารณาและลงนามต่อไป โดยถือหลักว่าให้ทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นในส่วนที่มีรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามา ก็จำเป็นต้องปรับปรุงบางส่วนเท่าที่จำเป็น เพื่อให้มีภารกิจดูแลจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง รวมทั้งถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็จะเปลี่ยนแปลงเฉพาะในส่วนที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะแลกเปลี่ยนภารกิจกันเป็นการส่วนตัว
เมื่อถามว่า นายกฯไม่พอใจว่ามีคนแอบนินทา และขู่ยึดตำแหน่งคืน นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ จึงไม่ขอให้ความเห็นและในส่วนของพรรคก็ไม่ได้กำชับอะไร เพราะไม่มีข้อมูลเบื้องต้น และไม่ได้กำชับรัฐมนตรี
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลเกิดอาการน้อยใจ กรณีคำสั่งแบ่งงานในพื้นที่ว่า ไม่มีอะไร และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน เพราะไม่มีอะไร เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันที่มองว่าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จะไปฮุบฐานเสียงภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ ชี้แจงแล้ว ไม่ขอตอบ เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของหัวหน้าพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะมาดูแลพื้นที่จังหวัดภาคใต้ พล.อ.ประวิตร ตอบเสียงดังว่า “นายกฯตอบไปแล้ว ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ” เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ ตำหนิในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่ามีรัฐมนตรีบางคนนินทา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายกฯตำหนิใคร และเรื่องนี้ไม่ได้คุยกับนายกฯ
“พรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นเอกภาพในการทำงาน เรียบร้อย ไม่มีปัญหา ตอนนี้ต้องมุ่งการบริหารงานของรัฐ บาลก่อนดีกว่า เรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน”