เมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ ที่ปรีกษาศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และช่วยเหลือประชาชน (BLUE House) เปิดเผยถึงกรณีที่ชาวบ้านที่เช่าที่ดินที่อยู่อาศัยและเช่าอาคารพาณิชย์ ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี กว่า 50 ราย นำโดย นายมงคล ไชยศรี ประธานชุมชนพระพันวษา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้ร้องเรียนผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมสุพรรณบุรีและศูนย์บลูเฮาส์ ว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ ได้ขึ้นค่าเช่าที่ดินอย่างไม่เป็นธรรมและได้เก็บค่าเช่าแพงขึ้นทุกปี ปีละ7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้เช่ามีภาระต้องหาเงินมาจ่ายกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาสุพรรณบุรีเพิ่มขึ้นทุกปี เสมือนเป็นการซ้ำเติมจากผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด - 19 ทั้งนี้ จากการชี้แจงของ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุพรรณบุรี ที่อ้างว่า ค่าเช่าต่างๆตอนนี้ยังอยู่ในกฎระเบียบของสำนักพุทธศาสนาฯ นั้น จากข้อร้องเรียนของชาวบ้านที่อาศัยฯ มีอยู่ 2 ประเด็นหลักๆ คือ มีการปรับขึ้นอัตราค่าเช่า อย่างต่อเนื่องทุกปีๆละ7% ทุก 5 ปี จึงขึ้นถึง 35% จนปัจจุบันค่าเช่ามาอยู่ที่ปีละ24, 000 ถึง 36, 000บาทต่อห้องต่อปี และค่าบำรุงศาสนสมบัติกลาง​ ที่เรียกเก็บพร้อมกันตอนต่อสัญญาอีกห้องละกว่า 1 แสนบาท​ ทั้งที่เป็นผู้เช่ารายเดิมซึ่งโดนเรียกเก็บส่วนนี้มาต่อเนื่อง​ตั้งแต่ปี 2558 "จากการสอบถาม เบื้องต้นจากทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ความ ว่า จะไม่มีการเรียกเก็บส่วนนี้จากผู้เช่าเดิม ยกเว้น กรณีที่มีการขายสิทธิ์เป็นผู้เช่ารายใหม่​ โดยในช่วงภาวะโควิด19 ได้มีการผ่อนผัน การชำระค่าเช่าไปให้อีก 60 วันโดนไม่เสียเบี้ยปรับ​ แต่ยังไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เช่า​ ที่รายได้ลดลง​ บางห้องเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้ทำการค้าขายก็คิดในอัตราเดียวกัน​ หรืออีกกรณีผู้เช่ามีความต้องการจะชำระค่าเช่าก่อนกำหนดเพราะ​กลัวลืม ก็ได้รับการปฏิเสธว่า​ ก็ยังไม่ให้จ่าย​ แต่เมื่อถึง กำหนดชำระก็ไม่มีใบเตือนมาแจ้ง จนกระทั่งเลย กำหนดเวลา ก็มีหนังสือทวงถามพร้อมเบี้ยปรับ​จำนวนมาก ​ โดยเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ ตนในฐานะผอ.ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์​ฯ จะเร่งประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมต่อไป" นายสมมาตร กล่าว