"ช้างศึก" ทีมชาติไทย ผ่านเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ใน 2 เกมแรก ที่ออกไปเยือน ซาอุดีอาระเบีย และกลับมาเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ดวล ญี่ปุ่น ไปแล้ว และในปีนี้ ยังเหลือโปรแกรมอีก 3 นัด คือ 6 ต.ค. ไปเยือน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ที่อาบูดาบี ต่อด้วย 11 ต.ค.ไปเตะกับ อิรัก ที่สนามกลางในประเทศอิหร่าน จากนั้น 15 พ.ย. เล่นในสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบ ออสเตรเลีย นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประสานงานกับ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย ตลอดเวลา เพื่อหาเกมอุ่นเครื่อง ตามวันเวลาที่เหมาะสม และเกิดประโยชน์ที่สุดกับทีมชาติไทย ทว่าใน 2 เกมจากนี้ การไปเยือน ยูเออี และ อิรัก นั้น จะไม่มีโปรแกรมอุ่นเครื่องแน่นอน ไม่ว่าจะในไทย หรือที่ ยูเออี กับ อิหร่าน ที่อิรักยึดเป็นสังเวียนเหย้า สาเหตุเนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิดกับ เกมโตโยต้าไทยลีก เกมสุดท้ายก่อนพักคือ ในวันที่ 28 ก.ย. ดังนั้น หากมีเกมอุ่นเครื่องอีก อาจทำให้นักเตะไทย ฟื้นตัวไม่ทัน รองเลขาลูกหนัง กล่าวด้วย่า อย่างไรก็ตาม ก่อนเกมกับ ออสเตรเลีย ยืนยันว่าจะมีนัดอุ่นเครื่องแน่นอน ตอนนี้อยู่ขั้นตอนประสานงาน จะยังไม่ขอเปิดเผยชื่อทีม บอกได้แต่เพียงว่า มีทีมดีๆ จาก ยุโรป, เอเชีย, แอฟริกา มาขออุ่นเครื่องกับไทย ทั้งจะมาเตะที่ไทย หรือขอให้ไทยยกไปเตะนอกบ้าน แต่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยืนยันว่า นัดลับแข้งก่อนเปิดบ้านเจอ ออสเตรเลีย จะต้องเตะที่ไทยเท่านั้น เพื่อไม่ให้นักเตะเหนื่อยจากการเดินทาง เพราะต้องหวดกับทมจิงโจ้ ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน