วันที่ 28 เมษายน จ่าเอกเสกสรร จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากหน่วยงานภาครัฐเข้มงวดจับปรับประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหสถาน มีค่าปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จากการตรวจสอบพบว่าที่ผ่านมามีคำสั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ 3861/2563 ออกมาบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 หลังจากมีการระบาดในระลอกแรก ล่าสุดได้แจ้งผ่านสังคมโซเชียลให้ผู้ที่ถูกจับปรับหากไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ต้องรีบจ่ายค่าปรับ เนื่องจากมีหลักฐานการกระทำที่เข้าข่ายขัดกับประกาศคำสั่งจังหวัดอย่างชัดเจน กรณีมีข้าราชการะดับสูงจำนวนมากในจังหวัดไปร่วมเปิดอนุสาวรีย์เจ้าพระยาบดินทรเดชา ( สิงห์ สิงหเสนี) ที่วัดถ้ำม้าร้อง อ.บางสะพาน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ดังนั้นหากการจับปรับประชาชนทั่วไปก็ควรมีมาตรฐานเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ควรเลือกปฏิบัติ
“ ต่อมาพบว่ามีไทม์ไลน์ของของข้าราชการรายหนึ่งจากด่านศุลกากรประจวบคีรีขันธ์ที่ไปร่วมเปิดงานในวันดังกล่าวติดเชื้อโควิด 19 จากผู้ติดเชื่้อในที่ทำงานเดียวกันที่มาจาก.จ.สมุทรสาคร ทำให้ข้าราชการระดับสูงจำนวนมากต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด19 ต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน โดยปรากฏในภาพถ่ายว่ามีข้าราการหลายรายไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเป็นบางช่วง ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดเดียวกันกับการปรับนายกรัฐมนตรี 6,000 บาทหรือไม่ เนื่องจากประกาศคำสั่งของจังหวัดที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่ยกเลิก “จ่าเอกเสกสรร กล่าว
จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า หลังจากชาว อ.บางสะพานทราบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดในการจัดกิจกรรมดังกล่าวทำให้มีความวิตกกังวล มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมโซเชียล แต่ไม่เคยเจ้าหน้าที่รายใดออกมาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบสังคม ดังนั้นการคุมเข้มจับปรับกับประชาชนทั่วไปจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม และล่าสุดเชื้อโควิดระบาดระลอกใหม่มาจากผับ สถานบันเทิงจำนวนมากในจังหวัดที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเปิดเวลาอยู่ในการดูแลบผิดชอบของฝ่ายปกครองและตำรวจ คดีความยังไม่คืบหน้า แต่โยนภาระให้ประชาชนจ่ายค่าปรับหากไม่สวมแมส ” จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าว
มีรายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธร จ .ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ขณะนี้นายตำรวจระดับสูงได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ใช้หลักรัฐศาสตร์ แนะนำ ว่ากล่าวตักเตือนก่อน และขอให้เห็นใจชาวบ้านเพราะเดือดร้อนจาการประกอบอาชีพ ขาดรายได้ ยกเว้นผู้ฝ่าผืนหลังจากเจ้าหน้าที่แนะนำแล้วไม่ยอมปฏิบัติ
“ ต่อมาพบว่ามีไทม์ไลน์ของของข้าราชการรายหนึ่งจากด่านศุลกากรประจวบคีรีขันธ์ที่ไปร่วมเปิดงานในวันดังกล่าวติดเชื้อโควิด 19 จากผู้ติดเชื่้อในที่ทำงานเดียวกันที่มาจาก.จ.สมุทรสาคร ทำให้ข้าราชการระดับสูงจำนวนมากต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด19 ต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน โดยปรากฏในภาพถ่ายว่ามีข้าราการหลายรายไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเป็นบางช่วง ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดเดียวกันกับการปรับนายกรัฐมนตรี 6,000 บาทหรือไม่ เนื่องจากประกาศคำสั่งของจังหวัดที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่ยกเลิก “จ่าเอกเสกสรร กล่าว
จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า หลังจากชาว อ.บางสะพานทราบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดในการจัดกิจกรรมดังกล่าวทำให้มีความวิตกกังวล มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมโซเชียล แต่ไม่เคยเจ้าหน้าที่รายใดออกมาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบสังคม ดังนั้นการคุมเข้มจับปรับกับประชาชนทั่วไปจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม และล่าสุดเชื้อโควิดระบาดระลอกใหม่มาจากผับ สถานบันเทิงจำนวนมากในจังหวัดที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเปิดเวลาอยู่ในการดูแลบผิดชอบของฝ่ายปกครองและตำรวจ คดีความยังไม่คืบหน้า แต่โยนภาระให้ประชาชนจ่ายค่าปรับหากไม่สวมแมส ” จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าว
มีรายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธร จ .ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ขณะนี้นายตำรวจระดับสูงได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ใช้หลักรัฐศาสตร์ แนะนำ ว่ากล่าวตักเตือนก่อน และขอให้เห็นใจชาวบ้านเพราะเดือดร้อนจาการประกอบอาชีพ ขาดรายได้ ยกเว้นผู้ฝ่าผืนหลังจากเจ้าหน้าที่แนะนำแล้วไม่ยอมปฏิบัติ