ผู้นำ​ท้องถิ่นตำบลนาเคียนเดือด! ยันเหตุลุกฮือประท้วงรพ.สนาม​ เพราะทางการไม่ทำความเข้าใจชาวบ้าน

ผู้นำท้องที่ตำบลนาเคียนยืนยันชาวบ้านฮือประท้วงขวางโรงพยาบาลสนามเหตุผู้เกี่ยวข้องไม่ทำความเข้าใจ นายอำเภอแจงแค่เตรียมเป็นสถานที่กักกันกลางสำหรับกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในครอบครัวหรือชุมชนหนาแน่น หลังจากเมื่อวานนี้(27เมย.64) การปรากฎแผ่นป้ายข้อความประท้วงการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในอาคารหอประชุมเมือง ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์84 หรือที่เรียกว่าทุ่งท่าลาด ตำบลนาเคียน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีข้อความที่สร้างความตระหนกให้กับผู้พบเห็นเช่นการขู่ที่จะเผาโรงพยาบาลสนามหากมีการจัดตั้งขึ้นเป็นต้น ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ทำการปลดแผ่นป้ายข้อความที่ถูกนำมาติดตั้งบริเวณทางเข้าหอประชุมเมืองออกจนหมดแล้ว และมีเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดพื้นที่เช่นทุกวัน ขณะเดียวกันนายสฤษณ์ สุทธิการ กำนันตำบลนาเคียน พร้อมด้วยนายรอเสส วัฒนารถ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลนาเคียน พร้อมด้วยผู้นำท้องที่อีกหลายคนได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่กำลังไม่พอใจในการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม นายรอเสส วัฒนารถ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลนาเคียน เปิดเผยว่าการที่เอาหอประชุมเมืองมาเป็นที่เก็บตัวหรือโรงพยาบาลสนาม สืบเนื่องจากบริเวณนี้ติดกับทางสัญจร มีชาวชุมชนผ่านไปมาตลอด บริเวณนี้เป็นที่โล่งไม่มีรั้วรอบขอบชิด พวกผู้นำท้องที่เข้าใจว่าโรคโควิดไม่ได้ติดกันง่ายๆแต่ก็ไม่ยากที่จะติด การที่จะมาเตรียมการดำเนินการในหอประชุมเมืองนั้นทางการไม่ได้มาปรึกษาหารือใดๆกับพื้นที่ ทั้งที่ควรจะหารือเพื่อให้ผู้นำไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เราอยากเสนอว่าตรงนี้เป็นที่โล่ง เป็นสถานที่เปิดไม่มีกำแพง คนที่มาอยู่ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะไม่เพ่นพ่าน ไม่เดินออกไปบนถนน มีร้านน้ำชา ใครรับรองไม่ได้ว่าจะอยู่แค่ในนี้ หากออกไปนั่งร้านน้ำชาก็ไม่มีใครรู้ใครเป็นใคร อาจเป็นต้นเหตุนี่คือเหตุผลที่ชาวบ้านจะชี้แจงแบบนี้ อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ว่าข้อเท็จจริงสำหรับหอประชุมเมืองนครศรีธรรมราช นั้นอยู่ในขั้นของการเตรียมการที่จะใช้เป็นสถานที่กักกันกลาง สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในครอบครัวหรือชุมชนหนาแน่น ไม่ได้เป็นโรงพยาบาลสนามแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นรวมทั้งชาวบ้าน ได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันแล้ว