นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ CGS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนสัปดาห์นี้ยังต้องให้น้ำหนักการระบาด COVID-19 ในประเทศเชื่อว่าสิ่งที่ตลาดอยากเห็นคือ การไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ของจำนวนผู้ติดเชื้อ ข้อมูลล่าสุดทำ All time high อยู่ที่ 2,839 ราย ดังนั้นในสัปดาห์นี้หากการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ ทิศทางตลาดน่าจะสามารถประคองตัวได้
อย่างไรก็ตามหากระหว่างสัปดาห์มีการรายงานตัวเลขที่ทำจุดสูงสุดใหม่มองตลาดยังเสี่ยงต่อการปรับฐาน ส่วนมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 จากทางภาครัฐล่าสุดได้มีคำสั่งปิดสถานประกอบการบางประเภทในพื้นที่ กทม.อาทิ โรงภาพยนตร์ ร้านนวด สวนน้ำ และอื่นๆ มองกระทบต่อ MAJOR (รายได้ กทม. ราว 55%) SPA (รายได้ กทม. 60-80%) ของรายได้รวม โดยระยะเวลาควบคุมข้างต้นมีกำหนดถึง 9 พ.ค.64 ส่วนทิศทาง SET INDEX สัปดาห์นี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1530 – 1560 แนะติดตามตัวเลขการติดเชื้อควบคู่
สำหรับตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือน มี.ค. ปรากฏว่ามูลค่าส่งออกเติบโต 11.8%YoY ดีกว่า Bloomberg คาดที่ -1.5%YoY ใส้ในสินค้าเติบขยายตัวได้แก่ (รถยนต์และส่วนประกอบ +43%YoY คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ +4.3%YoY ผลิตภัณฑ์ยาง +50%YoY อาหารสัตว์ +41%YoY) ชี้ถึงการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) มองหุ้นได้ประโยชน์ได้แก่ AH ASIAN NER STA STGT SAT
ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน Bloomberg คาดจะมี (HMPRO SCGP PTTEP SCC GLOBAL) ทั้งนี้ด้วยการระบาด COVID-19 ที่กระทบกำไร 2Q21 จึงแนะติดตามมุมมองนักวิเคราะห์ หรือผู้บริหารมากกว่าดูที่กำไรในอดีต
โดยกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนรับความเสี่ยงต่ำแนะรอความชัดเจนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อหากส่งสัญญาณบวกค่อยเริ่มกลับเข้าลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงสูงแนะหุ้นที่อิงรายได้ต่างประเทศเป็นหลักรวมถึงกลุ่ม Commodity (ASIAN CPF EPG IVL PTTGC PSL SCC) ได้ประโยชน์จาก COVID-19 (ADVANC COM7 HANA KCE STA STGT)
EPG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 10.8 บาท) แม้ราคาปิดล่าสุดจะไม่เหลือ Upside จากราคาเป้าหมายเรา อย่างไรก็ตามมองว่าบริษัทมีความน่าสนใจสำหรับการเข้าลงทุนระยะสั้น เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกรถกระบะและรถอเนกประสงค์ไปยังออสเตรเลียทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ Supply ชิ้นส่วนยานยนต์ด้านรถกระบะให้กับหลายแบรนด์ทั่วโลก ขณะที่กว่า 40% รายได้จากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์มาจากออสเตรเลีย
PTG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 23 บาท) เราคาดกำไร 1Q21 ที่ 530 ล้านบาท (+161%YoY -21%QoQ) การเติบโตเด่น YoY ผลจากค่าการตลาดและโวลุ่มขายที่แข็งแกร่ง โดยคาดค่าตลาดที่ 1.9 บาทต่อลิตร (+9%YoY -2%QoQ) และปริมาณขายที่ 1.3 พันล้านลิตร (+10%YoY +3%QoQ) ส่วน 2Q21 แม้มีระบาด COVID-19 แต่เรายังมีมุมมองบวกกับบริษัท เนื่องจากลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มขนส่งสินค้าและ 80% ของสถานีอยู่นอก กทม. ทั้งนี้ยังเชื่อว่าปริมาณขายในช่วง 2Q21 จะเติบโต YoY ได้