เมื่อวันที่ 25 เม.ย. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เร่งแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงโดยเร็ว พร้อมเร่งกำหนดมาตรการรับมือผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยวันที่ 28 เม.ย. นายกรัฐมนตรี ได้เชิญภาคเอกชน อาทิ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย รวมทั้งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง มาประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดหาและกระจายวัคซีนของภาคเอกชน ภายหลังภาคเอกชนแสดงความประสงค์ในการจัดหาวัคซีนร่วมกับภาครัฐ เพื่อกระจายสู่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะได้มีการหารือถึงการรับมือผลกระทบและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน และประชาชน เพื่อนำมาพิจารณาในการแก้ไสถานการณ์ โดยผลการหารือกับภาคเอกชนครั้งนี้ จะมีส่วนในการนำไปกำหนดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ต่อไป หลังจากสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การจะออกมาตรการใดนั้น จะต้องมีการพิจารณารอบด้าน ให้มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งสาระสำคัญในการประชุมร่วมกันครั้งนี้ คือการนำข้อมูล ข้อเสนอแนะไปพิจารณาเป็นแนวทางรับมือผลกระทบ การเยียวยาประชาชน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี รับทราบและเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบัน โดยรัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค การดูแลรักษาพยาบาล และช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณกว่า 3.8 แสนล้านบาท สำหรับการเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งจะมีทั้งโครงการกระตุ้นการใช้จ่าย กระตุ้นการบริโภค รวมถึงการลงทุน อันก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็นเงินในทุกพื้นที่ ดังนั้น ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอ และจะดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด