เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวกันทุกปี ล่าสุดวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อนในโลกออนไลน์ กับการรับน้องของมหาวิทยาลัยดังด้านศิลปะ ท่ามกลางเสียงโต้จากอาจารย์คณะต้นตอข่าวดัง "คนอื่นเรียกโซตัส คณะผมเรียกระบบครอบครัว" ระบบครอบครัวของอาจารย์ กับการเปลื้องผ้าอาบน้ำพร้อมกัน มีการจับของสงวน สำเร็จความใคร่ อย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น มีแต่ทำให้ของขึ้น....สารพัดวิธีที่รุ่นพี่สรรหามาต้อนรับรุ่นน้อง ทั้งถ้อยคำการกระทำ การล่วงละเมิดต่างๆ นานาเป็นแพ็ตเทิร์นที่ประหนึ่งปิดหูปิดตารีเพลย์ซ้ำชนิดไม่แคร์ แม้โลกจะพัฒนา...
"...ระบบรับน้องของมหา'ลัยกลับคลับคล้ายกับระบบรับน้องของคนคุก..."
"ว้าก"...ที่รุ่นพี่พยายามสร้างบทบาทหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้ดูดี เพื่อละลายพฤติกรรมน้องใหม่ ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ ให้ฝึกความอดทน ให้ทนต่อสถานการณ์กดดัน...แต่ที่แท้ คือมันแค่หาเรื่องมา "ด่า" กันเท่านั้น จบ...ในโลกจริงที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ชนิดเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลดยังไม่คดเท่าใจคน เอาเข้าจริงเรื่องจะตะโกนด่าว่ากันต่อหน้ากัน คนที่ทำเยี่ยงนี้ชีวิตนี้สั้นกันนักต่อนักมาหลายศพ... เสียงตะโกนก่นด่า ที่คิดว่าจะเข้าหูซ้ายไปทะลุหูขวา แล้วลอยหายไปตามสายลม แต่มันคงอานุภาพ...มีเรื่องแปลกที่หมู่เกาะโซโลมอน ชาวบ้านที่นี่เขามีวิธีโค่นต้นไม้โดยไม่ต้องตัด เมื่อเลือกได้ต้นเป้าหมายที่จะใช้ ชาวบ้านจะรุมล้อมกระหน่ำตะโกนใส่ต้นไม้กันทุกวันๆ กระทั่งเป็นเดือน ปรากฏต้นไม้ที่ถูกด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะค่อยๆ เหี่ยวแห้ง เฉาตาย โค่นลงไปเองโดยปริยายไม่ต้องตัด... เสียงว้ากแผดตะโกนใส่หูจากรุ่นพี่ จาก 1 เสียง ตามด้วยเสียง 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8ฯ ที่รุมกระหน่ำทุกทิศทาง ผ่านไปเป็นสิบ ยี่สิบ สามสิบปี จนป่านนี้ยังคงก้องในหัวของใครต่อใครหลายคนที่ผ่านระบบโซตัส จากเพจศิษย์เก่าที่เคยผ่านประสบการณ์รับน้องสุดโหดบอกเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยลืม ต้องยืนเปลือยโชว์ของสงวนต่อหน้าใครต่อใครที่ไม่รู้จักและยังสับสนเวลาบีบยาสีฟัน ว่ามันใช้แปรงฟัน หรือใช้ทาเจ้าโลก.... มหาวิทยาลัย กับคุก นั้นห่างไกลกันลิบลับ ชนิดฟ้าสูงกับหุบเหว... แต่ระบบรับน้องของมหา'ลัย กลับไปคลับคล้ายคลับคลาระบบรับน้องของคนคุก...ในคุกมีรุ่น มีขาใหญ่ รับน้องใหม่จะหนักจะเบาขึ้นกับคดีที่ติดคุก หากเบาะๆ แค่แก้ผ้า วิดพื้น กลิ้งไปกลิ้งมา หากติดคดีหนัก เจอจัดหนักสะบักสะบอม... บางทีประเพณีการรับน้องอาจจะสะท้อนวิถีสังคมไทยภายใต้ระบบอุปถัมภ์ ภายใต้การใช้ความรุนแรงเป็นที่ตั้ง รวมทั้งการล่วงละเมิดสิทธิต่างๆ นานา โดยอ้างน้ำขุ่นๆ เป็นเรื่องธรรมดาๆ ภาพสะท้อนผ่านละครน้ำเน่าตบจูบ สู่เรื่องจริงการล่วงละเมิดทางเพศที่เป็นข่าวเนืองๆ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน กระทั่งในแวดวงสื่อ รวมทั้งการกระทำ-การใช้ถ้อยคำรุนแรง กราบรถกู ฉายาเกียร์อาร์ ฯลฯ ทั้งยังสะท้อนวังวนการศึกษาไทย ที่ถึงปัจจุบันยังไม่อาจก้าวข้ามวงจรอุบาทว์ การศึกษาของชาติจึงยังไปไม่ถึงไหน....