จากสถาการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ที่ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้(23เม.ย.) พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2070 ราย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...23 เมษายน 2564 เคยแลกเปลี่ยนไว้เมื่อหลายวันก่อน วันนี้คิดว่าควรย้ำให้เราตระหนักถึงสถานการณ์อีกครั้ง เพราะเชื่อมั่นว่า เราทุกคนช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้แน่นอน หากทำกันอย่างพร้อมเพรียง... หากมองดูบทเรียนของ 34 ประเทศทั่วโลกที่เจอระลอกสาม... ส่วนใหญ่หนักกว่าระลอกสอง (ราว 73.5%) เจาะดูเฉพาะที่หนักกว่าระลอกสอง เพราะเป็นประโยชน์สำหรับวางแผนสำหรับเรา เนื่องจากเราก็มีสถานการณ์เช่นกลุ่มนี้ที่เค้าเจอมาก่อนเรา นับหลังเริ่มระบาดระลอกสามไปสองสัปดาห์ จะมีโอกาสที่จะมียอดการติดเชื้อสูงสุดต่อวันโดยเฉลี่ยในเวลา 3.5 สัปดาห์ บวกลบ 2.5 สัปดาห์และจำนวนสูงสุดต่อวันโดยเฉลี่ยนั้นประมาณ 2.06 เท่าของระลอกสอง แต่อาจมากถึง 5.59 เท่าได้ อย่างไรก็ตาม เราอาจต่างจากชาวบ้านเค้าก็เป็นได้ แต่ทราบไว้ก็น่าจะดีกว่า จะได้ช่วยกันเฝ้าระวัง และป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ช่วงเวลาที่เราต้องเฝ้าระวังมากๆ คือตั้งแต่ช่วงนี้ไปถึงสัปดาห์ที่สามของพฤษภาคม และยอดสูงสุดต่อวันนั้นหากมีการปะทุขึ้น อาจอยู่ในช่วง 1,931-5,238 คนได้ ระยะเวลาของระลอกสามนั้นคล้ายระลอกสอง ทั้งนี้ หากสอดคล้องกับประสบการณ์ของต่างประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อรวมในระลอกสามนี้ ถ้าสู้จนจบ อาจอยู่ในช่วง 18,104-54,310 คน ส่วนตัวแล้ว เชื่อลึกๆ ว่า ทุกอย่างอยู่ที่มือพวกเราทุกคน หากช่วยกันป้องกันอย่างเคร่งครัดเต็มที่ ผลลัพธ์ต้องออกมาดี วันนี้ติดเพิ่มอีกกว่าสองพันคน...ยอดรวมเราทะลุเกินห้าหมื่นแล้ว คาดว่าอาจแซงสิงคโปร์ในอีกไม่นาน อยู่บ้านนะครับ... ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาน้อยๆ...ไม่ตะลอนโต๋เต๋ ใส่หน้ากากเสมอ ปิดปากปิดจมูกให้ดี ถ้าเจอคนเยอะควรใส่สองชั้น หากเป็นไปได้หรือไม่ลำบากเกินไป ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกใช้หน้ากากผ้า จะช่วยให้ฟิตกับใบหน้าได้ดีขึ้น พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ล้างมือบ่อยๆระวังเรื่องสุขาสาธารณะ และการหยิบจับ ใช้ของสาธารณะ เลี่ยงการกินการดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า กลับบ้าน ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะไปกอดหอมหรือคลุกคลีกับคนในบ้านหากไม่สบาย ควรหยุดงาน และรีบไปตรวจรักษาประเทศไทยต้องทำได้ ด้วยรักและห่วงใย