เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 เม.ย. 64 พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.วรงค์ เกิดสวัสดิ์ ผกก.สภ.ยี่งอ น.อ.ธงฉาน บุญระเทพ ผบ.ฉก.ทพ.นย.ทร. ร.ต.อ.กีรติ ถานโอภาส รองสารวัตรสอบสวน สภ.ยี่งอ และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลลุโบะบายะ ม.4 ต.ลุโบะบายะ ซึ่งถูกคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ขว้างใส่เข้าไปในฐาน จนสร้างความเสียหายต่อเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ เหตุเกิดในช่วงเวลา 19.44 น. ของคืนวันที่ 22 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าตรวจสอบเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยจุดเรือนนอนที่ได้รับความเสียหาย ที่คนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ไปตก เป็นเรือนนอนห้องที่ 1 ด้านขวามือของฐาน โดยระเบิดตกใส่ที่บริเวณพื้นหัวมุมของเรือนนอน ทำให้สะเก็ดระเบิดกระจายไปถูกหลังคากระเบื้องและฝาผนังของเรือนนอนได้รับความเสียหาย โดยมีกระเบื้องหลังที่ถูกระเบิดกระเด็นตกใส่กระจายเกลื่อนในรัศมี 10 เมตร ที่คลุกเคล้าไปกับซากเศษชิ้นส่วนของระเบิด อาทิ เส้นเหล็กตัดสั้นและเหล็กทรงกลมที่คนร้ายใช้ในการบรรจุระเบิด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ คนร้ายได้ขี่รถ จยย.มา 3 คัน คนร้าย 6 คน ขี่ผ่านฐาน ชคต.ซึ่งคาดว่าขี่มาดูลาดเลา จากนั้นคนร้ายได้ขี่รถ จยย.วกกลับมา 1 ใน 5 คนร้าย ที่ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.ได้ใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ขว้างใส่เข้าไปในฐาน จำนวน 1 ลูก แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ ชคต.ซึ่งอยู่ในฐานได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงข่มขู่ขึ้นฟ้า
จากนั้นเวลา 19.50 น.ของคืนวันเดียวกันนี้ ในระหว่างที่ พ.จ.ท.จรัญ สินทะเกิด หัวหน้าชุดจรยุทธ์ ร้อย ฉก.ทพ.นย.ทร.ที่ 6 และผู้ใต้บังคับบัญชา รวม 8 นาย กำลังเดินลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทาง และให้การคุ้มครองชาวบ้านในช่วงถือศีลอด ที่บริเวณถนนข้างสวนปาล์มของชาวบ้าน ช่วงบริเวณบ้านยาโง๊ะ ม.5 ต.ลูโบะบือซา ซึ่งห่างจากฐาน ชคต.ประมาณ 800 เมตร พบเห็นรถ จยย.ของคนร้าย จำนวน 3 คัน ขี่และนั่งซ้อนท้ายกันมา 6 คน เมื่อคนร้ายพบเห็นเจ้าหน้าที่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกลยี่ห้อฮูซี่ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ที่กำลังเดินลาดตระเวน
จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนาน 15 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง พบว่าคนร้ายเสียชีวิต 1 คน คือ นายมะสี วามะ จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นไม่คดีอาชญากรรมหรือความมั่นคง และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน คือ 1.นายมูฮัมมัดซับรี ลาเต๊ะ จากการตรวจสอบพบประวัติ มีหมาย ป.วิ อาญา 2. นายมะรอฟา เจ๊ะอาลี จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นไม่คดีอาชญากรรมหรือความมั่นคงเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงได้มีการควบคุมตัวนายมูฮัมมัดซับรี และนายมะรอฟา ไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ซักถามแห่งหนึ่งที่ค่ายทหาร
ในเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ลอบก่อเหตุในครั้งนี้ คาดว่า เป็นกลุ่มของนายมะดารี วาหลง กับนายอับดุลมานะ ลาเต๊ะ ซึ่งเป็นแกนนำระดับสั่งการและปฏิบัติการ ที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.ยี่งอและอำเภอใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าทั้ง 2 คน สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดรถ จยย.ของคนร้ายทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลคนร้ายทั้ง 2 คน ถึงบุคคลที่หลบหนีไปได้ทั้ง 2 คน ว่าเป็นใคร พร้อมทั้งจะมีการสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายคนร้ายลอบขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐานปฏิบัติการ มว.นปพ.ที่ 13 ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.บาเจาะ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและก่อเหตุคดีดังกล่าวหรือไม่อย่างไร รวมทั้งคนร้ายขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐาน ชคต.ต.จะแนะ ซึ่งตั้งอยู่ ม.11 ต.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64 ที่ผ่านมาเช่นกัน เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายแบบถอนรากถอนโคนมาดำเนินคดีต่อไป
โดยจุดเรือนนอนที่ได้รับความเสียหาย ที่คนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ไปตก เป็นเรือนนอนห้องที่ 1 ด้านขวามือของฐาน โดยระเบิดตกใส่ที่บริเวณพื้นหัวมุมของเรือนนอน ทำให้สะเก็ดระเบิดกระจายไปถูกหลังคากระเบื้องและฝาผนังของเรือนนอนได้รับความเสียหาย โดยมีกระเบื้องหลังที่ถูกระเบิดกระเด็นตกใส่กระจายเกลื่อนในรัศมี 10 เมตร ที่คลุกเคล้าไปกับซากเศษชิ้นส่วนของระเบิด อาทิ เส้นเหล็กตัดสั้นและเหล็กทรงกลมที่คนร้ายใช้ในการบรรจุระเบิด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ คนร้ายได้ขี่รถ จยย.มา 3 คัน คนร้าย 6 คน ขี่ผ่านฐาน ชคต.ซึ่งคาดว่าขี่มาดูลาดเลา จากนั้นคนร้ายได้ขี่รถ จยย.วกกลับมา 1 ใน 5 คนร้าย ที่ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.ได้ใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ขว้างใส่เข้าไปในฐาน จำนวน 1 ลูก แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ ชคต.ซึ่งอยู่ในฐานได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงข่มขู่ขึ้นฟ้า
จากนั้นเวลา 19.50 น.ของคืนวันเดียวกันนี้ ในระหว่างที่ พ.จ.ท.จรัญ สินทะเกิด หัวหน้าชุดจรยุทธ์ ร้อย ฉก.ทพ.นย.ทร.ที่ 6 และผู้ใต้บังคับบัญชา รวม 8 นาย กำลังเดินลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทาง และให้การคุ้มครองชาวบ้านในช่วงถือศีลอด ที่บริเวณถนนข้างสวนปาล์มของชาวบ้าน ช่วงบริเวณบ้านยาโง๊ะ ม.5 ต.ลูโบะบือซา ซึ่งห่างจากฐาน ชคต.ประมาณ 800 เมตร พบเห็นรถ จยย.ของคนร้าย จำนวน 3 คัน ขี่และนั่งซ้อนท้ายกันมา 6 คน เมื่อคนร้ายพบเห็นเจ้าหน้าที่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกลยี่ห้อฮูซี่ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ที่กำลังเดินลาดตระเวน
จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนาน 15 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง พบว่าคนร้ายเสียชีวิต 1 คน คือ นายมะสี วามะ จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นไม่คดีอาชญากรรมหรือความมั่นคง และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน คือ 1.นายมูฮัมมัดซับรี ลาเต๊ะ จากการตรวจสอบพบประวัติ มีหมาย ป.วิ อาญา 2. นายมะรอฟา เจ๊ะอาลี จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นไม่คดีอาชญากรรมหรือความมั่นคงเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงได้มีการควบคุมตัวนายมูฮัมมัดซับรี และนายมะรอฟา ไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ซักถามแห่งหนึ่งที่ค่ายทหาร
ในเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ลอบก่อเหตุในครั้งนี้ คาดว่า เป็นกลุ่มของนายมะดารี วาหลง กับนายอับดุลมานะ ลาเต๊ะ ซึ่งเป็นแกนนำระดับสั่งการและปฏิบัติการ ที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.ยี่งอและอำเภอใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าทั้ง 2 คน สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดรถ จยย.ของคนร้ายทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลคนร้ายทั้ง 2 คน ถึงบุคคลที่หลบหนีไปได้ทั้ง 2 คน ว่าเป็นใคร พร้อมทั้งจะมีการสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายคนร้ายลอบขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐานปฏิบัติการ มว.นปพ.ที่ 13 ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.บาเจาะ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและก่อเหตุคดีดังกล่าวหรือไม่อย่างไร รวมทั้งคนร้ายขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐาน ชคต.ต.จะแนะ ซึ่งตั้งอยู่ ม.11 ต.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64 ที่ผ่านมาเช่นกัน เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายแบบถอนรากถอนโคนมาดำเนินคดีต่อไป