ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนคนไทยสุขภาพดี ช่วยบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน ชี้ สถานการณ์การระบาด COVID -19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบผู้บริจาคโลหิตลดลงอย่างมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้โลหิตขาดแคลนหนัก วิกฤติทั่วประเทศ
รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้การบริจาคโลหิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยที่โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 340 แห่ง มีความต้องการใช้โลหิตวันละ 6,500 - 7,000 ยูนิต ปัจจุบันปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศ ได้เพียงวันละ 2,000 ยูนิตเท่านั้น เนื่องจากจำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงอย่างมากทุกแห่ง หน่วยงานยกเลิกการจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต พนักงานหลายองค์กรต้องทำงานที่บ้าน เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดหรือมีการกักตัว โรงพยาบาลทุกแห่งขาดเลือด ไม่มีโลหิตเพียงพอในการรักษาและผ่าตัดผู้ป่วย รวมทั้งผู้ป่วยเด็กโรคเลือด อาทิ โรคธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย ที่ต้องใช้เลือดในปริมาณมากและต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป การชะลอและเลื่อนการรักษาด้วยโลหิต อาจส่งผลอันตรายแก่ผู้ป่วย ถึงชีวิตได้
ขอให้ผู้บริจาคโลหิตเชื่อมั่นในการทำงานของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ผู้ทำหน้าที่จัดหาโลหิตบริจาคที่ปลอดภัยให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยยกระดับ มาตรการ 3 ข้อ “คัดกรอง เข้มงวด ครอบคลุม” ดังนี้
1. คัดกรอง สำหรับผู้บริจาคโลหิต ขอให้คัดกรองตนเองก่อนมาบริจาคโลหิต เช่น หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง มีผื่นขึ้น เดินทางไปยังสถานบันเทิง ตลาด สถานที่แออัด พื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย/ ผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ต้องงดบริจาคโลหิตอย่างน้อย 14 วัน
สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 สามารถบริจาคโลหิตได้ ดังนี้
● กรณีฉีดวัคซีน Sinovac เว้น 1 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
● กรณีฉีดวัคซีน Astrazeneca และ Johnson & Johnson เว้น 4 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
● หากมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ขอให้รอหลังหายดีแล้ว เว้น 1 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
2.เข้มงวด บุคลากรมีความตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทุกคนในพื้นที่สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีแอลกอฮอล์เจลล้างมือทุกจุดสัมผัส สถานที่และอุปกรณ์สะอาดปลอดเชื้อ จัดให้มี การเว้นระยะห่าง และจัดตั้งฉากกั้นระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้บริจาคโลหิตทุกจุดของกระบวนการบริจาคโลหิต
3.ครอบคลุม โดยมาตรการทั้งหมดครอบคลุมทั้งที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยเคลื่อนที่ และหน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานสากล
สถานที่รับบริจาคโลหิต (ส่วนกลาง)
• ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
• หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ 6 แห่ง ได้แก่ สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค)
บ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)
เดอะมอลล์ บางแค
เดอะมอลล์ บางกะปิ
เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม
โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต 6 แห่ง
• โรงพยาบาลตำรวจ
• โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
• โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ
• โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
• โรงพยาบาลรามาธิบดี
• โรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
• สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า
สถานที่รับบริจาคโลหิต (ส่วนภูมิภาค)
ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ได้แก่
• ภาคฯ จ.ลพบุรี
• ภาคฯ จ.ราชบุรี
• ภาคฯจ.ขอนแก่น
• ภาคฯจ.นครสวรรค์
• ภาคฯ จ.เชียงใหม่
• ภาคฯ จ.ภูเก็ต
• ภาคฯ จ.ชลบุรี
• ภาคฯ จ.นครราชสีมา
• ภาคฯ จ.อุบลราชธานี
• ภาคฯ จ.พิษณุโลก
• ภาคฯ จ.สงขลา
• ภาคฯ จ.นครศรีธรรมราช
• โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ
ขอความร่วมมือ ผู้บริจาคโลหิตต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงตามความเป็นจริง หากไม่แน่ใจ ควรงดการบริจาคโลหิตชั่วคราว เพื่อเว้นระยะเวลาการพบเชื้อ 14 วัน ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เดินทางมาบริจาคโลหิต และตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่รับบริจาค