เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ตนไม่เคยเจอรุ้งหรือน้องๆ คนอื่นที่ประกาศอดอาหาร นอกจากเพนกวิน แต่เมื่อพวกเขาออกมาต่อสู้และเลือกแนวทางซึ่งมีผลโดยตรงต่อสภาพร่างกายเช่นนี้ความห่วงใยจึงมีต่อทุกคน ยิ่งเห็นภาพการต่อสู้ของแม่กลุ่มหนึ่งดิ้นรนสุดกำลังช่วยลูก ทั้งที่ไม่มีใครเคยเป็นนักเคลื่อนไหวใดๆ มาก่อนยิ่งสะทกสะท้อนใจ แม่เป็นทุกอย่างได้เพื่อลูก และถ้าแม่จะต้องเป็นนักสู้นี่คือคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างยิ่งต่อความอยุติธรรมทั้งปวง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถึงวันนี้ผู้มีอำนาจพอจะเปิดใจไขกุญแจห้องขังเอาพวกเขาออกมาได้หรือยัง ต้องขังอีกเท่าไหร่ ใช้เวลาอีกนานแค่ไหนเพื่อทำในสิ่งที่ท่านก็รู้ว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา และไม่มีทางที่สถานการณ์นี้จะจบลงด้วยกรงขัง เราให้พวกเขาเติบโตมาใน 15 ปีที่ประเทศมีการยึดอำนาจ 2 ครั้ง ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ใช้กำลังปราบปรามประชาชนจนมีคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติแล้วคดีไม่ถึงศาล นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่ร่างเพื่อสนองประโยชน์ทางการเมืองของผู้มีอำนาจ ผ่านการประชามติที่มีกฎอัยการศึก มีมาตรา 44 จับกุมและลิดรอนเสรีภาพประชาชน มีความยุติธรรมที่ถูกเรียกว่า 2 มาตรฐาน มีรัฐบาลที่ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาแต่อยากอยู่ยาวโดยใช้ ส.ว. 250 คน เป็นนั่งร้าน มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่กำหนดให้ทุกรัฐบาลต้องทำตามถ้าไม่ทำผิดกฎหมายภายใต้สิ่งที่พูดมาทั้งหมด นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากคนหนุ่มสาววันนี้เพิกเฉย ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ท่านมองเห็นอนาคตของประเทศนี้เป็นอย่างไร ในบ้านที่พ่อแม่ทะเลาะกันจนไม่มีใครฟังใคร ถ้าลูกอยากให้ทุกคนหันมาคิดถึงอนาคตพวกเขาบ้าง สิ่งหนึ่งที่เขาจะทำคือตะโกนขึ้นสุดเสียง แล้วเราก็จับลูกของเราไปขัง ? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ฝากความห่วงใยถึงเพนกวินผ่านแม่ของเขา ขอให้ทบทวนเรื่องอดอาหาร เมื่อเขายืนยันแนวทางเดิมก็เคารพการตัดสินใจ สิ่งที่ทำได้คือเรียกร้องอิสรภาพให้พวกเขา ช่องทางมีอยู่แต่เมตตาต้องมาก่อน ลูกอดตายเพราะไม่มีกินคือความเจ็บปวดเกินประมาณ แต่ลูกยอมอดตาย เพราะไม่มีอนาคตจะเจ็บปวดยิ่งกว่าหลายเท่า และคนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ ผมเขียนเพลง ลูกแม่ ส่งกำลังใจให้แม่ที่กำลังสู้เพื่อลูกทุกคน ขอให้อ้อมกอดแม่สัมผัสไออุ่นของลูกในเร็ววัน “ลูกแม่” ในที่คุมขังแห่งนั้น มีลูกสาวลูกชายของแม่อยู่ โอ้เด็กเอ๋ยจงรับรู้ แม่ยังเคียงข้างเสมอ มือนี้เคยเกาะมือน้อย กลับต้องคอยเกาะลูกกรงมองเธอ หยาดน้ำในตาหลั่งลงล้นเอ่อ ยามสวดมนต์ให้ลูกปลอดภัย เมื่อยังเล็กเด็กน้อยหกล้ม ยังอุ่นใจเมื่อเห็นลุกไปต่อ แต่วันนี้ใช่ว่าใจแม่สู้ไม่พอ แค่อยากขอให้ฝันร้ายพ้นผ่าน อยากให้มีสายลมแห่งความเมตตา พัดลูกออกมาจากกรงขัง ให้เมฆร้ายเคียดแค้นชิงชัง พลันสลายไปจากฟากฟ้า เหล่านกน้อยเริงร่อนโบยบิน สร้างรังตามใจปรารถนา ไม่เรียกร้องอะไรมากมายไปกว่า อย่าหยุดเวลา อย่าคร่าวิญญาณเสรีอีกเลย