โควิดไทยตายอีก2ติดเชื้อ1,458 ราย ยอดสะสมพุ่ง 46,643 ราย “ศบค.”โต้ฉีดวัคซีนไม่เป็นโรค “อัมพ ฤกษ์” แค่อาการคล้าย “โฆษก ตร.” เผยยอดตำรวจติดโควิด ระลอกใหม่ 498 นาย เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงปิด ขณะที่พนักงาน“ทอท.สนามบินดอนเมือง” ติดโควิด 19 คนรวด สั่งปิดออฟฟิศ 3 วันพ่นยาฆ่าเชื้อ ส่วน“บิ๊กตู่” เผยไทยเตรียมหาวัคซีนเพิ่มอีก 35 ล้านโดส พร้อมเร่งฉีดให้ครบภายใน ธ.ค.64 ขณะที่ไวรัสมรณะอาละวาดต่อเนื่อง ยอดป่วยทะลุ 143 ล้านคน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)หรือ ศบค.แถลงว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,458 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 1,454 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,346 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 108ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 4 รายรวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 46,643 ราย หายป่วยแล้ว 29,371 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 17,162 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 56 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวายเรื้อรัง และโรคอ้วน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไอ เป็นไข้ และมีอาการเหนื่อยหอบ ผลเอ็กซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง และชาย อายุ 32 ปี มีโรคประจำตัวภูมิแพ้ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า และเริ่มมีไข้ต่ำ ไอมีเสมหะปนเลือด มีอาการเหนื่อยมากขึ้น โดย เอ็กซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง ก่อนเสียชีวิต รวมยอดเสียชีวิตสะสม 110 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวว่า ทางการมาเลเซียเตรียมผลักดันคนไทยกลับประเทศ เราได้เตรียมมาตรการรองรับคนกลุ่มนี้ไว้แล้ว พร้อมกับมีการเฝ้าระวังและจัดสรรให้เข้าระบบที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ในที่ประชุมอีโอซีของกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือถึงการตรวจหาเชื้อแบบหาภูมิคุ้มกัน หรือ Rapid Test ที่มีประชาชนบางส่วนไปตรวจกันเอง จึงขอเน้นย้ำว่าสถานที่ตรวจต้องได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ เพราะบางครั้งไปตรวจในที่ที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วผลเป็นลบ จากนั้น 4-5 วันไปตรวจอีกครั้งผลจึงเป็นบวก จะทำให้ระหว่างนั้นมีการแพร่เชื้อ หรือทำให้การช่วยเหลือล่าช้า อาการทรุดลงและเป็นอันตรายได้ ขณะเดียวกัน มีข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนที่อยู่ระหว่างรอผลตรวจ ขอให้เคร่งครัดในเรื่องของการกักกันตัว ห้ามเดินทาง ห้ามสัมผัสผู้ใกล้ชิด แยกห้อง แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ไปที่ชุมชน งดกิจกรรมสังคม และสวมหน้ากากตลอดเวลา และเมื่อได้รับผลตรวจยืนยัน ให้ติดต่อไปที่สถานที่ตรวจ โดยจะได้รับคำแนะนำว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร โดยโรงพยาบาลจะมีการคัดแยกว่าจะมีอาการระดับไหน แต่อย่างไรตาม ระหว่างรอเข้ารับการรักษาตัว ให้สังเกตอาการตัวเองอย่างใกล้ชิด หากมีอาการเหนื่อยหอบ ถ่ายเหลว ต้องรีบโทรศัพท์หาสายด่วน 1669 เพื่อประสานเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนโทรหาสายด่วนต่างๆ เพื่อประสานเรื่องเตียงรักษาและต้องรอเป็นเวลานาน แต่ไม่มีคนรับสาย หรือสายไม่ว่าง หรือรอเป็นเวลานานว่า เราเห็นใจประชาชน เพราะทุกคนเป็นห่วงอาการป่วยไข้ของตัวเองและคนในครอบครัว แต่ก็เห็นใจบุคลากรที่ต้องพยายามบริหารจัดการเตียงเหมือนกัน และสายด่วนแต่ละเบอร์นั้นวันๆ หนึ่งเขาต้องรับเกินพันสายต่อวัน ตรงนี้เราน้อมรับคำติงและพร้อมรับข้อเสนอแนะจากประชาชนที่ส่งมายัง ศบค.โดยตรง หรือส่งผ่านสื่อ เพราะทุกคนถือว่ามีส่วนในการร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาครั้งนี้
พญ.อภิสมัยยังกล่าวถึงกรณีมีการแชร์ข้อมูลเรื่องการเกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาท หรืออาการอัมพฤกษ์ หลังจากฉีดวัคซีน Sinovac ของรพ.แห่งหนึ่งใน จ.ระยองว่า กระทรวงสาธารณสุขมีคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน โดยในคณะกรรมการ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา เช่น อายุรแพทย์โรคสมอง และอื่นๆ ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีอาการเป็นอัมพฤกษ์ กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานล่าสุดเมื่อช่วงเช้า ยืนยันว่า อาการที่เกิดขึ้น ไม่ใช่โรคอัมพฤกษ์ แต่เป็นอาการคล้ายกับอัมพฤกษ์ หรือที่เรียกว่า สโตรก (Stroke-อาการสมองขาดเลือด) ผู้ที่มีอาการ จะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา ประสาทสัมผัสไม่มีความรู้สึก ซึ่งจากรายงานล่าสุด พบว่า ผู้ที่มีอาการทุกคนมีอาการฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว
“ขอให้ประชาชนบริโภคข่าวสารด้วยการตั้งคำถามเสมอ เพราะทุกข่าวที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย อาจไม่ใช่ข่าวจริงทั้งหมด แม้ว่าจะมีการแชร์ข่าวจากหมอ หรือนักวิชาการ ก็ขอให้ตรวจสอบและฟังรายงานข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงและนำหลักฐานมาแถลงรายละเอียดให้ประชาชนได้ทราบทุกกรณี”
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นห่วงกำลังพลภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชน จึงได้สั่งการไปยังแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 1.ระดมสรรพกำลัง อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือต่างๆ ให้มาช่วยดูแลประชาชนและพี่น้องตำรวจทั้งที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด-19 และโรคอื่นๆ ไม่ให้มีการแพร่ระบาดมากไปกว่านี้ จึงมีการระดมสรรพกำลังเป็นพิเศษโดยเฉพาะโรงพยาบาลสนาม 2.การสร้างมาตรการในการป้องกันตัวของตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่พบประชาชน กำชับให้ดูแลตนเองตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค ศบค. กระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ตำรวจรับเอาเชื้อเข้ามา ขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้ตำรวจเป็นแหล่งแพร่เชื้อไปสู่ประชาชน 3.ไม่ให้ตำรวจเข้าไปอยู่ในแหล่งที่แพร่เชื้อของโรคได้ มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นความห่วงใยของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อกำจัดขอบเขตการแพร่กระจ่ายของโรค และเซฟกำลังพลในหน่วยให้สามารถทำงานรับใช้ประชาชนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งอยู่ระหว่างการสำรวจตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพื่อเร่งฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อให้กับตำรวจที่ปฏิบัติงาน ถึงแม้กำลังพลบางส่วนได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงาน สำหรับยอดตำรวจที่ติดเชื้อโควิด-19 ณ วันที่ 20 เม.ย.ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 412 คน รวมยอดสะสมจำนวน 498 คน
ขณะที่ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งว่าขณะนี้มีพนักงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.จำนวนรวมทั้งสิ้น 19 รายติดเชื้อโควิด-19 แบ่งออกเป็นพนักงานที่ทำงานประจำที่สำนักงานใหญ่ ถนนเชิดวุฒากาศ (ตรงข้ามสนามบินดอนเมือง) และพนักงานที่ประจำที่สำนักงานออฟฟิศ สนามบินดอนเมือง เบื้องต้นได้สั่งให้ปิดสำนักงานใหญ่ ถนนเชิดวุฒากาศด่วน เป็นเวลา3 วัน เริ่มตั้งแต่ 21-23 เม.ย.64 เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาพ่นยาฆ่าเชื้อต่อไป
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า“คณะทำงานพิจารณาการ จัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบด้วย คณะแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน นำโดยนายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร ได้รายงานว่า จากการหารือทุกฝ่าย ได้ข้อยุติว่า ประเทศไทยจะจัดหาวัคซีนอีก 2-3 ยี่ห้อเพิ่มเติมอีกประมาณ 35 ล้านโด๊ส นอกเหนือจากที่ดำเนินการไว้แล้วประมาณ 65 ล้านโด๊ส ในจำนวน 35 ล้านโดส ภาคเอกชนนำโดยสภาหอการค้าไทย ก็จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างประมาณ 10-15 ล้านโด๊ส ซึ่งก็จะช่วยลดงบประมาณของรัฐบาลลงไปอีก สำหรับกระบวนการต่อไปให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการโดยเร่งด่วนและเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ผมได้สั่งการให้วางแผนการกระจาย และฉีดวัคซีน ที่จัดหามาทั้งหมด ให้เสร็จสิ้นภายใน ธันวาคม 2564 นี้ #รวมไทยสร้างชาติ”
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน หารือผ่านทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย โดยระบุว่า ทางการจีนจะช่วยผลักดันให้อินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในภูมิภาค
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ยังเปิดเผยด้วยว่า จะร่วมมือกับอินโดนีเซีย ในการส่งเสริมด้านสุขภาพ และต่อต้านลัทธิชาตินิยมเกี่ยวกับวัคซีน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี ให้คำมั่นว่า แผนการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ ในจีน ยังรวมถึงชาวอินโดนีเซีย ที่พำนักอาศัยในประเทศจีนด้วย และทางการจีนก็หวังว่า อินโดนีเซียจะส่งเสริมชาวจีนในอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน
ทางด้าน รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อบังคับใช้ในพื้นที่กรุงโตเกียว นครโอซากาใน จ.โอซากา และ จ.เฮียวโงะ รอบใหม่ เพื่อควบคุมสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขในพื้นที่ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินที่จะมีขึ้นในครั้งนี้ เป็นไปตามการร้องขอของรัฐบาลท้องถิ่นใน จ.โอซากา โดยเบื้องต้นทางสำนักงานผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากา ขอให้ทางรัฐบาลกลางในกรุงโตเกียว มีคำสั่งปิดสวนสนุกขนาดใหญ่ และศูนย์การค้าต่างๆ ชั่วคราว รวมถึงการลดเวลาให้บริการของร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม
สำหรับ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในญี่ปุ่น พบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนสะสม 537,317 ราย มากเป็นอันดับที่ 38 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 9,671 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 486,076 ราย
ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ทั่วโลก ยังลุกลามอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 219 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 143,577,735 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 3,058,230 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 121,953,574 ราย โดยสหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 32,536,470 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนมากที่สุดในโลกเช่นกันที่จำนวน 582,456 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 25,105,535 ราย