จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบที่ 3 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะล่าสุดที่มีการติดเชื้อโควิดจากสถานบันเทิงชื่อดัง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ระบุว่า...ต้องทบทวนการผูกขาดการรักษาโดยใช้ยาแก้ปอดบวมตามอย่างสหรัฐ!!!!
1.ประกาศสาธารณสุข 29 มีนา.63 ลำดับ 2 ให้ใช้ยาคอกเทลรักษาโคบ้า ซึ่งประเทศไทยผลิตได้เองและมียาอยู่หลายสิบล้านเม็ด ยานี้ใช้รักษาได้ตั้งแต่วันรู้ว่าติดเชื้อ
ซึ่งการแถลงข่าวของแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถีที่มี รมต.สาธารณสุขเป็นประธานยืนยันว่ารักษาหายได้ได้ใน 48 ชั่วโมงและผลการใช้รักษาผู้ป่วยจำนวน 3,000คนหายเกือบหมดในช่วงเดือนเมษายน 2563
2.มีประกาศ สาธารณสุขลงวันที่ 1 พฤษภา 2563 ลำดับ2 ให้ใช้ยาแก้ปอดบวมรักษาโคบ้าแทนยาคอกเทล ตามแบบอย่างสหรัฐยานี้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นปอดบวมหรือปอดอักเสบแล้ว และใช้เวลา14-21วันจึงหายซึ่งศาลสหรัฐมีคำตัดสินให้เพิกถอนคำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์ โดยให้เลิกใช้ยาปอดบวมรักษาโคบ้าแต่ไทยเราได้สั่งซื้อยาแก้ปอดบวมเข้ามาอีกหลายสิบล้านเม็ดและยังคงใช้อยู่
ดังนั้นผู้ป่วยแทนที่จะรักษาด้วยยาค้อกเทลเลย จึงต้องรักษาไปตามอาการก่อน
3การรักษาตามอาการส่วนใหญ่ก็กว่า90%หายตั้งแต่เวลา3-10วัน แต่ไม่บอกความจริงกัน จึงตกใจกันว่าเป็นโรครัายแรงมีเพียง1%ที่เชื้อเเพร่กระจายทำให้ปอดบวมและปอดอักเสบ จึงใช้ยาแก้ปอดบวม ซึ่งใช้เวลารักษาหลังจากปอดบวมแล้วถึง14-21 วัน ทำให้ผู้ป่วยทรมานมากและเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก
4ผู้ป่วยที่ถูกกักตัวจึงได้รับการรักษาทั่วไปตามอาการ จนกว่าปอดบวมหรือปอดอักเสบจึงใช้ยาปอดบวมได้ เวรกรรมของคนไทยไหมครับ จึงน่าจะฟ้องให้ศาลเพิกถอนประกาศ สธ.1พค63 ตามอย่างสหรัฐ
ดังนั้นจึงควรนำประกาศสาธารณสุข 29 มีนาคม ลำดับ 2 มาใช้ใหม่ตั้งแต่ทราบผลว่าป่วย ไม่ต้องรอรักษาไปตามอาการจนปอดบวมหรืออักเสบก่อนซึ่งเสียเวลานานแล้วจึงให้ใช้ยาแก้ปอดบวมตามประกาศ 1พค. 2563ลำดับ2
นายกรัฐมนตรีจะต้องตัดสินใจทบทวนเรื่องนี้ด้วยสติปัญญาของตัวเอง หรืออาจหารือกับคณะแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีที่เคยมีผลงานการรักษาและเคยแถลงเรื่องนี้จึงจะชอบ