วันที่ 18 เม.ย.64 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอก 3 จากสถานบันเทิงย่านทองหล่อสู่คนในแวดวงระดับสูงกระจายทั่วประเทศ กดดันรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ล้มเหลวแทบทุกด้านโดยเฉพาะการจัดหาวัคซีนที่เป็นปัญหาไม่เพียงพอ ว่า โควิดระบาดระลอกแรกรัฐบาลบอกว่าโควิดกระจอกเป็นแค่โรคหวัดโรคหนึ่ง หลังแถลงแล้วร้องไห้ กลับบอกใหม่ว่า ไทยมีวัคซีนในมือมากที่สุดในเอเชีย แต่จำนวนคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนมีสัดส่วนเกือบต่ำที่สุดในอาเซียน แผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย จะเริ่มมีการฉีดในปริมาณมากในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือว่าล่าช้าไปมาก ในขณะที่หลายประเทศเตรียมยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะแล้ว หลังมาตรการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 รุดหน้าเป็นอย่างมาก ประเทศไทยยังสอบสวนโรค จี้ให้เปิดเผยไทม์ไลน์ เพราะมีปัญหาเรื่องการจัดหาวัคซีนที่ตัวเลือกน้อยไม่เพียงพอ
ทั้งที่รัฐบาลควรเปิดเผยไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ชัด การปล่อยให้โควิดระบาดถึง 3 ระลอก ทุกระลอกรัฐบาลการ์ดตกและมีคนของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องเสียเอง ยิ่งระบาดมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งได้เห็นการบริการจัดการที่ล้มเหลวของรัฐบาล ส่งผลกระทบทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ถ้าจะอ้างรัฐบาลต้องอยู่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ครบอาจไม่จำเป็น ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาการแก่งแย่งเพื่อเข้าสู่อำนาจในพรรคพลังประชารัฐ การนัดหมายชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนกลุ่มต่างๆจะออกมาเคลื่อนไหวกดดันขับไล่รัฐบาลอย่างหนัก หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกหรือยุบสภา สถานการณ์การอาจดีขึ้น เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำลายความเชื่อมั่นลงด้วยตัวรัฐบาลเองทุกวัน
“การบริหารจัดการโควิดที่ก่อนหน้านี้ พยายามแก้เกี้ยวว่า ติดน้อย เสียชีวิตน้อย วันนี้กลายเป็นจุดอ่อน พูดไม่ได้แล้ว ลามถึงวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความขัดแย้งภายในรัฐบาล การเมืองภาคประชาชนกดดันขับไล่ รัฐบาลอาจไปก่อนฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ครบ” นายอนุสรณ์ กล่าว