เมื่อวันที่ 17 เม.ย. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับเหล่าทัพ โดยกองทัพอากาศและกองทัพบก ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อทำการเกษตร เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่ต้องใช้ในการอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ หมอกควันไฟป่า และช่วยบรรเทายับยั้งความรุนแรงของพายุลูกเห็บ ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 13 หน่วยฯ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เชียงราย เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก แพร่ ลำพูน กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี สระบุรี ลพบุรี สกลนคร กาฬสินธุ์ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ นครราชสีมา ปราจีนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี พัทลุง เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อน จำนวน 12 แห่ง อ่างเก็บน้ำ จำนวน 10 แห่ง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ​​ นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการติดตามสภาพอากาศประจำวันเพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันนี้ พบว่า บริเวณพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง 5 หน่วยฯ ดังต่อไปนี้ -หน่วยฯ จ.นครราชสีมา ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครรราชสีมา -หน่วยฯ จ.พิษณุโลก ช่วยเหลือ พื้นที่การเกษตร จ.กำแพงเพชร -หน่วยฯ จ.สุราษฎร์ธานี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.สุราษฎร์ธานี -หน่วยฯ จ.ลพบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ลพบุรี จ.สระบุรี พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ภาคกลาง -หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี ช่วยเหลือพื้นที่ลุ่มรับน่ำเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ​​ อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนสามารถขอรับบริการฝนหลวง ติดตามข้อมูลข่าวสาร การรายงานแผนและผลการปฏิบัติการฝนหลวงเป็นประจำทุกวันของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ช่อง Youtube ใต้ปีกฝนหลวง Instagram Twitter Line Official Account @drraa หรือโทรศัพท์หมายเลข 02-109-5100