ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุสภ.เมืองหนองบัวลำภู ว่าจับกุมคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ได้ที่กลางหมู่บ้านบ้านลำภู ขณะนี้พลเมืองดีและชาวบ้านได้ควบคุมตัวไว้ จากนั้น ร.ต.อ.ดวงดาว คำศรี พนักงานสอบสวนสภ. เมืองหนองบัวลำภู,พ.ต.ท.เจษฎา ศรีกวนชา รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ,พ.ต.ท.สมคิด ชื่นชม สว.สสฯ พร้อมชุดสืบสวน ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุพบชายทราบชื่อภายหลัง คือ นายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เลิศ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ที่ 6 ตำบลโนนขมิ้น อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ขับขี่รถมอเตอร์ไวด์ฮอนด้า เวฟสีขาวแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีกระเป๋าเป้ 1 ใบข้างในมีสิ่งของที่โจรกรรมมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้นำตัวมาสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองหนองบัวลําภู ตรวจปัสสาวะพบ เป็นสีม่วง
จากสอบถามนายสมชาย ถาวะโร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/2 หมู่ที่ 1 ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ผู้เสียหายได้เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองไม่อยู่บ้าน มีเพียงบุตรสาวนอนอยู่ในบ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียวโดยที่บริเวณหน้าบ้านมีกระสอบข้าวเปลือก 4 กระสอบวางอยู่ หลังจากที่ตนเองกลับมาถึงบ้านไม่พบกระสอบข้าวเปลือกที่วางอยู่หน้าบ้าน จึงได้เข้าไปดูกล้องวงจรปิดที่บ้านญาติบริเวณปากซอย พบว่ามีชายขับรถมอเตอร์ไซค์สีขาวแดง โดยด้านหลังมีรถเข็นน้ำและกระสอบข้าวเปลือก 4 กระสอบขับผ่านหน้ากล้องออกไป จึงได้รีบไปแจ้งความที่ สภ.เมืองหนองบัวลําภู
หลังจากแจ้งความเสร็จตนเองได้ขับรถผ่านบริเวณหน้าวัดบ้านลำภู ได้พบคนร้ายแต่งกายลักษณะตรงตามภาพในกล้องวงจรปิดตนเองจึงได้ขับรถติดตาม แต่คนร้ายเห็น จึงได้พยายามขับรถหนีแต่ตนเองพร้อมกับชาวบ้านสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และได้สอบถามนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เลิศ คนร้ายว่าได้เข้าไปขโมยข้าวเปลือกที่บ้านตนเองหรือไม่ โดยนายเกียรติศักดิ์ คนร้ายได้รับสารภาพว่าได้เข้าไปขโมยข้าวเปลือกในบ้านของนายสมชายจริง
โดย พ.ต.ท.เจษฎา ศรีกวนชา รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้สอบปากคำนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เลิศ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อนหน้าที่จะถูกจับ ได้ขึ้นไปงัดบ้านโจรกรรมทรัพย์สินของชาวบ้านทั้งหมด 4 หลัง ทรัพย์สินที่ได้ไปมีกระปุกออมสิน ,พระเครื่อง และข้าวเปลือกหลังจากที่ก่อเหตุได้นำข้าวเปลือกไปซุกซ่อนไว้ที่ข้างป่าบริเวณสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน หลังจากนั้นจึงย้อนกลับมาเพื่อจะตระเวนลักทรัพย์ต่อ แต่มาเจอผู้เสียหายขับรถติดตามและโดนจับกุมตัวดังกล่าว
ทั้งนี้ได้ตระเวนลักทรัพย์ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู 4 ครั้ง ที่อำเภอศรีบุญเรือง 2 ครั้ง ในพื้นที่อำเภอนากลาง 1 ครั้ง หลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาจะนำไปขาย ได้เงินมานำไปซื้อสุราดื่ม และนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ โดยจะไปซื้อยาบ้ากับผู้หญิงชื่อว่าฟ้า ซื้อมาในราคาเม็ดละ 100 บาท ตนเองจะสูบวันละ 2-3 เม็ด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อ และได้สืบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
จากสอบถามนายสมชาย ถาวะโร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/2 หมู่ที่ 1 ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ผู้เสียหายได้เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองไม่อยู่บ้าน มีเพียงบุตรสาวนอนอยู่ในบ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียวโดยที่บริเวณหน้าบ้านมีกระสอบข้าวเปลือก 4 กระสอบวางอยู่ หลังจากที่ตนเองกลับมาถึงบ้านไม่พบกระสอบข้าวเปลือกที่วางอยู่หน้าบ้าน จึงได้เข้าไปดูกล้องวงจรปิดที่บ้านญาติบริเวณปากซอย พบว่ามีชายขับรถมอเตอร์ไซค์สีขาวแดง โดยด้านหลังมีรถเข็นน้ำและกระสอบข้าวเปลือก 4 กระสอบขับผ่านหน้ากล้องออกไป จึงได้รีบไปแจ้งความที่ สภ.เมืองหนองบัวลําภู
หลังจากแจ้งความเสร็จตนเองได้ขับรถผ่านบริเวณหน้าวัดบ้านลำภู ได้พบคนร้ายแต่งกายลักษณะตรงตามภาพในกล้องวงจรปิดตนเองจึงได้ขับรถติดตาม แต่คนร้ายเห็น จึงได้พยายามขับรถหนีแต่ตนเองพร้อมกับชาวบ้านสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และได้สอบถามนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เลิศ คนร้ายว่าได้เข้าไปขโมยข้าวเปลือกที่บ้านตนเองหรือไม่ โดยนายเกียรติศักดิ์ คนร้ายได้รับสารภาพว่าได้เข้าไปขโมยข้าวเปลือกในบ้านของนายสมชายจริง
โดย พ.ต.ท.เจษฎา ศรีกวนชา รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้สอบปากคำนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เลิศ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อนหน้าที่จะถูกจับ ได้ขึ้นไปงัดบ้านโจรกรรมทรัพย์สินของชาวบ้านทั้งหมด 4 หลัง ทรัพย์สินที่ได้ไปมีกระปุกออมสิน ,พระเครื่อง และข้าวเปลือกหลังจากที่ก่อเหตุได้นำข้าวเปลือกไปซุกซ่อนไว้ที่ข้างป่าบริเวณสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน หลังจากนั้นจึงย้อนกลับมาเพื่อจะตระเวนลักทรัพย์ต่อ แต่มาเจอผู้เสียหายขับรถติดตามและโดนจับกุมตัวดังกล่าว
ทั้งนี้ได้ตระเวนลักทรัพย์ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู 4 ครั้ง ที่อำเภอศรีบุญเรือง 2 ครั้ง ในพื้นที่อำเภอนากลาง 1 ครั้ง หลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาจะนำไปขาย ได้เงินมานำไปซื้อสุราดื่ม และนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ โดยจะไปซื้อยาบ้ากับผู้หญิงชื่อว่าฟ้า ซื้อมาในราคาเม็ดละ 100 บาท ตนเองจะสูบวันละ 2-3 เม็ด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อ และได้สืบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป