เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 เฟสบุค Cross Cultural Foundation (CrCF) ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้โพสต์ข้อความระบุว่าสืบเนื่องจาก สำนักข่าวแห่งหนึ่งรายงานข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (14 เม.ย. 2564) ว่า เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน หน่วยพิทักษ์ป่าแก่งกระจานที่ 2 (เขาสามยอด) ได้จับกุมชาวบ้านป่าเด็ง 1 ราย คือ นายซูดิ๊ เวนะ อายุ 26 ปี ขณะที่อีก 2 รายคือ นายชิลี่ เวนะ และนายแบล๊ะทู หลบหนีไปได้ โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยึดอาวุธปืนลูกกรดไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก อุปกรณ์เดินป่าอีกจำนวนหนึ่ง ซากงูเหลือม 1 ซาก และซากโครงกระดูกช้างป่าขนาดโตเต็มวัย ไม่ทราบเพศ คาดว่าเสียชีวิตโดยธรรมชาติ จึงได้เก็บรวบรวมเพื่อเป็นหลักฐาน และนำตัวไปทำบันทึกจับกุมก่อนส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เพื่อดำเนินคดี ในข้อหาล่าสัตว์ป่า
ล่าสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้รับข้อมูลจากอาสาสมัครสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ว่า ชาวบ้านดังกล่าวได้เดินเท้าเข้าไปบริเวณห้วยคมกฤตเพื่อไปหาน้ำผึ้ง ระหว่างทางพบกับเจ้าหน้าที่ชุดลาดตะเวนและถูกเจ้าหน้าที่ยิงปืนขู่ ชาวบ้านจึงออกจากพื้นที่และกลับมายังบ้าน ชาวบ้านไม่ได้เข้าไปล่าสัตว์หรือล่าช้าง ไม่มีอาวุธปืนอาร์ก้าหรือปืนลูกซอง อีกทั้งไม่ได้ยิงปืนเพื่อเปิดทางหนีดังการรายงานข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด การไปเก็บน้ำผึ้งของชาวบ้านก็เพื่อการยังชีพเท่านั้น
อนึ่ง วานนี้ เวลา 18:00 น. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้รับข้อมูลว่า นายซูดิ๊ เวนะ ได้รับประกันตัวและเดินทางกลับบ้านพักแล้ว
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม มีความเห็นว่าการนำเสนอข่าวโดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ที่อาจมีการให้ร้ายกับชาวบ้านที่ไม่มีโอกาสชี้แจงข้อมูลนั้นหากมีลักษณะเหมารวมและสร้างอคติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ได้ สื่อทุกแขนงควรมีความระมัดระวังโดยเฉพาะการนำภาพข่าวเก่า ต่างพื้นที่ คนละบริบท มาลงประกอบกับเนื้อข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยัน หรือตรวจสอบความถูกต้องอาจสร้างความเสียหายให้กับชุมชนและกลุ่มชาติพันธุ์ได้ จึงเสนอให้สื่อออนไลน์ได้ช่วยเผยแพร่ข้อมูลของชาวบ้านประกอบการนำเสนอข่าวด้วย
นายซูดิ๊ เวนะ กล่าวว่า พวกตนไปตีผึ้งเท่านั้น แต่ที่เอาปืนลูกกรดไปเพราะต้องป้องกันตัว หากเจอสัตว์ป่าเพราะหมีชอบมากินน้ำผึ้ง โดยได้เจอเจ้าหน้าที่ตอนเวลา 15.00 น. เมื่อตนถูกจับคนเดียวอยู่กลางป่าจึงรู้สึกหวาดกลัว โดยเจ้าหน้าที่พยายามให้บอกว่า 2 คนที่หนีไปได้ยิงข่มขู่ จริงๆสองคนที่วิ่งหนีไม่ได้มีอาวุธ
เมื่อถามย้ำว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯบอกว่าสองคนยิงปืนขู่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายซูดิ๊กล่าวว่า เขาไม่มีปืนจะยิงขู่เจ้าหน้าที่ได้อย่างไร เมื่อถามถึงซากกระดูกช้างที่พบในลำห้วย นายซูดิ๊กกล่าวว่า ตนไม่รู้เรื่อง เพียงแต่เจ้าหน้าที่พยายามพูดว่ามาฆ่าช้างหรือไม่ แต่ตนไม่รู้เรื่องการล่าช้างจริงๆ ที่สำคัญคือห้วยที่พบซากช้างก็ไม่เคยไปมาก่อน
นายอิทธิพล ไทยกมล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีพราน 3 คนในพื้นที่จริง และสามารถจับปนลูกกรดไทยประดิษฐ์ได้ โดยได้อัดคลิปปากคำไว้ว่ามาด้วยกัน 3 คน และเมื่อค้นในเป้พบว่าเป็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว แต่เรื่องโครงกระดูกช้างนั้น จะผูกโยงกันหรือไม่ เรายังไม่แน่ชัด ตอนนี้กำลังพิสูจน์หลักฐานอยู่เพราะยังมีข้อสงสัยลักษณะรูบนกะโหลกช้างว่าเป็นลูกปืนหรือไม่ แต่เบื้องต้นเห็นร่องรอยเป็นแผลฉกรรจ์บริเวณสะโพกที่อาจจะเกิดจากช้างชนกัน ดังนั้นจึงยังสรุปไม่ได้ส่าตายด้วยสาเหตุใด
“วันนั้นผมก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ผมออกจากห้วยคมกฤตมาทุ่มหนึ่ง ในนั้นก็ไม่มีสัญญาณ แต่พอออกมาข่าวออกแล้ว ผมได้รายงานไปตามข้อเท็จจริงต่างๆให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว แยกเป็นสองกรณี คือจับพราน และการพบซากช้าง ส่วน 2 กรณีนี้จะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ยังไม่ทราบ”นายอิทธิพล กล่าว