เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลว่า ส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้อาจอยู่ไม่นาน เพราะกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการคว่ำร่างแก้ไขมาตรา 256 ในวาระสามทิ้งไป แล้วมาแก้รายมาตรา แค่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกันยัง ใช้ร่างญัตติต่างกันคือ สามพรรคร่วมรัฐบาลจับขั้วหนึ่งแก้ประบลดอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกฯ. แต่พรรคหลักรัฐบาลคือพลังประชารัฐไม่ร่วมด้วย ฝ่านการเมืองยังมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยไม่คิดทำให้ประชาชน กินอิ่ม นอนอุ่น อยู่ดี มีสุข มีงานทำ หรือแก้ไขราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำสวนทางต้นทุนการผลิต ซ้ำยังปล่อยให้นายทุนเข้ามาผูกขาดธุรกิจอยู่ไม่กี่ครอบครัว รวยกระจุก จนกระจาย ชาวบ้านไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้า กิจการของชาวบ้านล้มพับ เจ๊ง กระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมไปไม่รอดเพราะรัฐบาลไม่มีกึ๋น แม้แต่วัคซีนโควิด-19 ก็ต้องเร่งหา แถมทำล่าช้า และยังปิดกั้นภาคเอกชนไม่ให้นำเข้าอีก พอเกิดแพร่ระบาดรอบ 3 เพิ่งคิดออก ให้เอกชนหาเองได้ เมื่อรัฐบาลไม่มีปัญญาก็ต้องปล่อยให้เอกชนนำเข้า เป็นบทเรียนที่น่าเจ็บปวดที่บริหารแบบรัฐข้าราชการ เชื่องช้า ไม่ทันการ “แม้แต่เรื่องการปราบการทุจริต คอร์รัปชั่นของรัฐบาล ก็ทำแบบลูบหน้า ปะจมูก ไม่เป็นข่าวก็ไม่ดำเนินการ ยังมีอยู่ในคนบางกลุ่มบางพวก เหมือนเป็นมะเร็งร้ายของประเทศชาติ ทั้งที่รัฐบาลนี้ ประกาศว่าจะปราบโกงอย่างเด็ดขาด แต่ยังปล่อยให้มีระบบหัวคิว ก็ยังอยู่ ไม่ทำจริงให้หมดไป ขอเตือนว่า เมื่อพี่น้องประชาชนเขาสิ้นหวังกับการตั้งความหวังไว้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ชี้ให้เห็นว่า ครม.ชุดนี้ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือถึงเวลาต้องยุบสภาฯ อย่างที่ชาวบ้านร้านตลาดเขาว่ากัน รัฐบาลล้มเหลวก็หมดความชอบธรรมที่จะอยู่บริหารประเทศต่อ ไหนบอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน นี่ ก็ผ่านมา7 ปีกว่า แล้ว ยังยื้อเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 2 ปี ของการแก้ ไม่มีอะไรคืบหน้า รัฐบาลนี้ก็ควรจะไปได้แล้วครับ”นายประมวล กล่าว