โควิดไทย ป่วยเพิ่ม 965 ราย ยอดพุ่ง 34,575 ราย “ศบค.มท.” ระบุ 42จังหวัด ปชช.เดินทางเข้าพื้นที่ต้องกักตัว14วัน ป้อง “โควิด” ระบาด “สตช.” หนัก! ตร.ติดโควิดทะลุ 231 นาย-กักตัวกลุ่มเสียงกว่า5พันราย ขณะที่ “แบมแบม GOT7”พักกิจกรรมหลังทีมงานติดโควิด ส่วน“แต้ว” โชว์ผมตรวจติดลบ หลังกักตัวเองเป็นวันที่ 7 ด้าน ”อธิบดีกรมควบคุมโรค” เตือนเน็ตไอดอลระวังผิดกฎหมาย ชักชวนผู้ติดเชื้อนอนอยู่บ้าน ยันต้องเข้ารักษาตัวในรพ. ส่วน “ทำเนียบฯ” เข้มมาตราการสกัดโควิด วอนสื่อลดคน-งดรุมสัมภาษณ์ “ขรก.”เน้นทำงานที่บ้าน
ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 13 เม.ย.64 มีการรายงานสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 965 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 956 ราย (แบ่งเป็นจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังสุขภาพ 654 ราย และจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 302 ราย) เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ยอดป่วยสะสม 34,575 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 97 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 40 ราย รวมยอดรักษาหาย 28,288 และยังอยู่ในโรงพยาบาล 6,190 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 112 ของโลก
ส่วนที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยจังหวัดที่มีคำสั่ง/ประกาศให้มีการกักกันตัวผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่เพิ่มเติมล่าสุด จากข้อมูลวันนี้ (13เม.ย.) เวลา 12.00 น. รวม 42 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 14 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา เพชรบูรณ์ แพร่ ลำพูน อุทัยธานี นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และลำปาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ชัยภูมิ นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร สกลนคร หนองคาย หนอง บัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และอุบลราชธานี ภาคกลาง/ภาคตะวันออก/ภาคตะวันตก 5 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สระบุรี สิงห์บุรี สระแก้ว และลพบุรี ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พังงา สงขลา สตูล และระนอง ทั้งนี้ การกักกันตัวเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละจังหวัดกำหนด
ขณะที่ พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า จากข้อมูลข้าราชการตำรวจติดเชื้อและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.63 ถึง 12 เม.ย.64 เวลา 20.18 น.พบว่า กลุ่มติดเชื้อ-ติดเชื้อสะสม 231 นาย รักษาหาย78 นาย อยู่ระหว่างรักษาตัว 153 นาย ส่วนกลุ่มเสี่ยง พบว่า มีการกักตัวสะสม5,259 นาย โดยครบกำหนดกักตัว 3,925 นาย และอยู่ระหว่างกักตัว1,334 นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Abyss Company ได้แจ้งอย่างเป็นทางการถึงการพักกิจกรรมชั่วคราวของ “แบมแบม สมาชิกวง GOT7”หลังพบว่า หนึ่งในพนักงานของบริษัทติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 9 เม.ย.และทางบริษัทได้แจ้งให้กับพนักงานทุกคนเข้ารับการตรวจทันที รวมถึงศิลปินในสังกัด ซึ่งทราบผลออกมาเป็นลบทั้งหมด
ส่วน “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์ ดารานักแสดง ได้โชว์ผลตรวจรอบที่สองเป็นลบ หลังกักตัวเองเป็นเวลา 7 วัน เนื่องจากได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ #ลุ้นยิ่งกว่าเอ็นติดก็โควิดเนี่ยแหละฮะ
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีเน็ตไอดอลระบุว่าหากป่วยโควิดไม่มีอาการให้รักษาตัวที่บ้านเหมือนต่างประเทศ ว่า ยืนยันว่าผู้ป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่มีเตียงยาและทีมแพทย์รองรับเพียงพอไม่เหมือนที่ต่างประเทศที่ไม่การระบบบริการไม่เพียงพออีกทั้งผู้ป่วยที่รักษาที่บ้านอาจจะมีอาการรุนแรงขึ้นได้ตลอดเวลารวมทั้งการอยู่บ้านยังไม่สามารถป้องกันให้ผู้ป่วยไปแพร่ระบาดแก่บุคคลอื่นๆได้ดังนั้นจึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ห้ามอยู่บ้านเด็ดขาดไม่นับความผิดทางกฎหมายอีกจึงขอให้ผู้เชิญชวนหยุดการกระทำดังกล่าว ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยไม่ต้องการเข้ารักษาโรงพยาบาลสนามแต่ขอย้ายข้ามจังหวัดไปรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่มีเตียงว่าในภาพรวมไม่อนุญาตให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยข้ามจังหวัดเพราะอาจจะไปติดในจังหวัดนั้นๆและทำให้เกิดความยากลำบากเว้นแต่มีเหตุเฉพาะที่จำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป
ขณะที่ น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกฯ และรักษาการที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ ได้แจ้งผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวทำเนียบฯ ว่า ตามที่ ศบค.ได้ประกาศแนวปฏิบัติของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 นี้สำนักโฆษกจึงต้องขอความ ร่วมมือจากสื่อมวลชน ที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในทำเนียบฯโดยนำแนวทางของศบค.เป็นหลัก ดังนี้ 1.มาตรการเวิร์กฟอร์มโฮม อย่างเข้มข้น จนถึงวันที่ 30 เม.ย.64 เพื่อลดการใกล้ชิด สัมผัส จึงขอให้สื่อจำกัดการเข้ามาปฏิบัติงาน ดัง นี้ 1.1 สื่อทีวี อนุญาต 1 ทีม 1.2 สื่ออื่นๆ สังกัดละ 1 คน ทั้งนี้ ขอให้แต่ละสังกัดส่งรายชื่อสื่อ ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในรอบสัปดาห์ล่วงหน้า โดยเริ่มวันศุกร์ที่ 16 เม.ย.นี้
น.ส.นัทรียา กล่าวต่อว่า 2.เคร่งครัดการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตรวจอุณหภูมิ ซึ่งจัดไว้ที่ตึกบัญชาการ 1 และรับสติกเกอร์รายวันจากสำนักโฆษก เว้นระยะห่างทุกกรณีและหมั่นล้างมือ ทำความสะอาด 3.งดรุมสัมภาษณ์ทุกกรณี ให้สื่ออยู่ในที่ตั้งจุดที่พักของตนเอง หากมีการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ จะแจ้งและอำนวยความสะดวกให้ 4. ในกรณี สั่งของ หรืออาหารมาจากภายนอก ไม่ให้เข้ามาส่งภายในตึก หรือพื้นที่ของทำเนียบฯ โดยให้จัดสถานที่ นำส่งของหรืออาหารบริเวณใกล้ประตูทางเข้า และผู้สั่งต้องออกไปรับสิ่งของหรืออาหารนั้นเข้ามาและ 5.ผู้ที่เคยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ขอให้แจ้งต้นสังกัดและงดเข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบอย่างเคร่งครัด การขอความร่วมมือข้างต้นก็เพื่อ ความปลอดภัยของทุกคนร่วมกัน หากมีข้อติดขัด หรือปัญหา ขอให้แจ้งสำนักโฆษกได้ตลอดเวลา
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางออสเตรเลียต้องล้มเลิกเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้แก่ประชาชนซึ่งมีจำนวนราว 26 ล้านคน ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ภายหลังจากได้รับคำแนะนำชุดใหม่ว่า ผู้ที่มีอายุไม่ถึง 50 ปี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ ขนานของบริษัทไฟเซอร์ สหรัฐฯ ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทค เยอรมนี มากกว่าขนานของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีรายงานผลกระทบข้างเคียงก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันแก่ผู้รับการฉีดส่วนหนึ่งในภูมิภาคยุโรป และทางการออสเตรเลียมีสำรองวัคซีนขนานของบริษัทแอสตราเซเนกาฯ เป็นส่วนใหญ่
โดย นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยยอมรับถึงการล้มเป้าหมายดังกล่าว พร้อมระบุว่า วัคซีนขนานของบริษัท ไฟเซอร์ฯ จำนวน 40 ล้านโดส ที่ทางการออสเตรเลียสั่งซื้อไปนั้น จะมาถึงออสเตรเลียในสิ้นปีนี้ ทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนแก่ประชาชนได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าทางรัฐบาลต้องการฉีดให้ได้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ในสิ้นปีนี้ก็ตาม
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในออสเตรเลีย พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 29,426 ราย มากเป็นอันดับที่ 116 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 910 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 26,361 ราย
ทางด้าน ทางการภูฏานฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ ซึ่งมีอายุระหว่าง 18 - 104 ปี ไปแล้วถึงร้อยละ 93 ของจำนวนทั้งหมด 472,139 คน ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ หลังจากเริ่มโครงการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 27 มี.ค. เป็นต้นมา
โดยกระทรวงสาธารณสุขของภูฏาน เปิดเผยว่า ทางการได้รณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนตามโครงการ ด้วยการปลุกจิตสำนึกว่า การฉีดวัคซีนถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชน ซึ่งเปรียบได้กับการปกป้องประเทศ และคนที่ตนเองรัก
รายงานข่าวแจ้งว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ก็ได้ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าวกันทุกคนด้วย โดยให้ถือเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์ ที่ต้องการให้ประชาชนได้ปกป้องตนเองและชุมชน
รายงานข่าวเผยว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ ที่ทางการภูฉาน ใช้ฉีดให้แก่ประชาชน เป็นขนานของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ของอังกฤษ ซึ่งผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ประเทศอินเดีย หรือที่รู้จักในนาม “โควีชิลด์”
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในภูฏาน พบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนสะสมอยู่ที่ 921 ราย มากเป็นอันดับที่ 193 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 1 ราย และผู้ป่วยที่รักษามีจำนวนสะสม 875 ราย
ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ทั่วโลก ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 219 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 137,278,683ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 2,959,324 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 110,472,479 ราย
โดย สหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 31,990,143 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนมากที่สุดในโลกเช่นกันที่จำนวน 576,298 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 24,560,856 ราย