นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคระบาดของจีนออกมาเปิดเผยยอมรับว่าวัคซีนของจีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีอัตราป้องกันเชื้อไม่ได้สูงมากนัก เราในฐานะผู้ซื้อควรจะหารือกับผู้ผลิตและจำหน่ายได้แล้วว่าเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะยังมีวัคซีนล็อตต่อไปรอส่งมอบ เราควรยอมจำนนได้แล้ว โดยวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (The New England Journal of Medicine) ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกได้ตีพิมพ์ว่า วัคซีนซิโนแวคมีผลต่อสายพันธุ์อังกฤษต่ำ แต่กลับมีผู้เชี่ยวชาญออกมาพูดลอยๆ และการโต้แย้งผลการวิจัยต้องนำผลการวิจัยที่มีระดับความน่าเชื่อถือ ที่เทียบเท่า หรือสูงกว่ามาอ้างอิง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้บอกว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อจะใช้ไม่ได้ผลเลย เพียงแต่มีประสิทธิภาพต่ำ ซึ่งประเทศชิลีก็เป็นตัวอย่างให้เห็น คือเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนได้มากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก แต่ไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ เพราะวัคซีนกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นซิโนแวค แล้วไทยจะเดินตามแบบนี้หรือ นายวิโรจน์กล่าวว่า ล่าสุด นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ที่ออกมายืนยันว่าวัคซีนที่ไทยนำเข้ามานั้นมีประสิทธิภาพ ก็เป็นการตอบโต้ที่มีแต่ปลายเหตุ ไม่มีเอกสารทางวิชาการอ้างอิง นอกจากนี้ การโพสต์ชี้แจงของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า วัคซีนซิโนแวคได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือฮูนั้น แต่ข้อเท็จจริงคือยังไม่มีข้อมูลว่าวัคซีนซิโนแวคได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วหรือไม่ เพราะล่าสุดที่ตนตรวจสอบคือ วัคซีนของซิโนแวคยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน “เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงกรณีจีที200 ที่ผู้ผลิตออกมายอมรับแล้วแต่ผู้ซื้อกลับแก้ตัวแทนผู้ผลิตแบบนี้ อย่างไรก็ตาม การที่วัคซีนซิโนแวคมีปัญหาแบบนี้ จะโทษนายอนุทินก็ไม่ได้ เพราะใครจะไปรู้ว่าวัคซีนตัวนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับสายพันธุ์อังกฤษ แต่สิ่งที่เราต้องติติงนายอนุทินคือ ท่ามกลางความไม่รู้ว่าวัคซีนตัวใดจะเผชิญกับข้อจำกัดอะไรบ้าง รัฐบาลจึงควรกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน แต่กลับกระจุกความเสี่ยงไว้ที่แอสตร้าเซนเนก้าถึง 60 ล้านโดส แล้วนำซิโนแวคมาเป็นวัคซีนแก้เขินแก้ขัด” นายวิโรจน์กล่าว นายวิโรจน์กล่าวว่า นอกจากนี้ การส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะส่งมอบทันเดือนมิถุนายนหรือไม่ ก็เป็นเรื่องน่ากังวล เพราะหากไม่มีความกังวล นายอนุทินคงไม่เจรจาซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 5 ล้านโดส การไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนเป็นการพาประชาชนมาอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งส่วนใหญ่คือคนตัวเล็กตัวน้อยที่ต้องแบกรับ ทั้งนี้ ตนอยากจะฝากไปถึงแพทย์ที่บอกว่า ประเทศไทยไม่ได้ร่ำรวยที่จะจองวัคซีนแบบกระจายความเสี่ยง แต่อยากถามกลับว่า เราร่ำรวยพอที่จะแบกรับความเสียหายทางเศรษฐกิจ 2.5 แสนล้านบาทต่อเดือน และอำมหิตพอที่จะปล่อยให้คนตัวเล็กตัวน้อย หรือหาเช้ากินค่ำต้องมาเดือดร้อนหรือไม่ “แม้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพต่ำ ทุกคนที่มีความเสี่ยงก็ควรฉีด ส่วนที่นายอนุทินบอกว่าถ้าใครเก่งนักก็มาเป็นรัฐมนตรีเองนั้น นายอนุทินก็แค่ลาออก ไม่นานก็หาคนใหม่ได้ ตอนนี้ประชาชนตั้งคำถามแล้วว่า ในสถานการณ์ที่น่าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เราหาคนที่ดีกว่านายอนุทินมาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้แล้วหรือ ลาออกเหอะ เพราะประเทศไทยหาคนที่เก่งกว่าท่านไม่ยากแล้ว แต่หาคนที่แย่กว่าท่านยากกว่า” นายวิโรจน์กล่าว