วันที่ 19 ก.ย.60 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย(มท.) กล่าวสรุปสถานการณ์ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลพายุทกซูรีว่า ตั้งแต่วันที่ 15 – 18 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ สกลนคร เลย แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สตูล พังงา เชียงราย ลำปาง และชัยภูมิ รวม 34 อำเภอ 92 ตำบล 322 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 7 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 5 จังหวัด รวม 17 อำเภอ 53 ตำบล 238 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.กาฬสินธุ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสมเด็จ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอหนองกุงศรี อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอนามน อำเภอห้วยเม็ก และอำเภอนาคู รวม 13 ตำบล 13 หมู่บ้าน จ.ชัยภูมิ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ส่วนภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอพรหมพิราม อำเภอชาติตระการ อำเภอวังทอง และอำเภอเนินมะปราง รวม 21 ตำบล 138 หมู่บ้าน จ.เพชรบูรณ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอหล่มสัก รวม 7 ตำบล 43 หมู่บ้าน ขณะที่ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ จ.สตูล น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสตูล อำเภอละงู และอำเภอมะนัง รวม 7 ตำบล 39 หมู่บ้าน ซึ่งสถานการณ์ในภาพรวมอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกด้านอย่างเต็มกำลัง รวมถึงดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังโดยเน้นการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยของผู้ประสบภัยเป็นหลัก และมีความต่อเนื่อง "จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำกับกรมชลประทาน พบว่า ภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุทกซูรี ทำให้แม่น้ำยมมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำ อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน ดังนี้ จ.แพร่ ในอำเภอวังชิ้น จ.สุโขทัย ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย และอำภอกงไกรลาศ จ.พิษณุโลกใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพรหมพิราม อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอบางระกำ และอำเภอบางกระทุ่ม จ.พิจิตร ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล และอำเภอบึงนาราง และจ.นครสวรรค์ ในอำเภอชุมแสง โดยทางเราได้เตรียมพร้อมรับมือน้ำไหลหลาก จัดเจ้าหน้าที่เตือนภัยติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ โดยเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดปริมาณน้ำฝน และตรวจสอบระดับน้ำ รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย หรือเคยประสบปัญหาอุทกภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ด้วย" อธิบดีปภ. กล่าว