"เชาว์" ส่งซิกถึงพ่อแม่แกนนำม็อบ 3 นิ้ว อยากเห็นลูกพ้นคุก ให้รีบเปลี่ยนทนาย หลังยิ่งสู้คดี ยิ่งแย่ ทำแต่เรื่องไม่เข้าท่า แนะรีบเปลี่ยนแนวทางสู้คดี อย่าตกเป็นเครื่องมืออีแอบอยู่หลังเด็ก ก่อนอนาคตลูกดับวูบในเรือนจำ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายเชาว์ มัขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง พ่อแม่ม็อบ 3 นิ้ว ถ้าอยากเห็นลูกออกจากเรือนจำ เปลี่ยนทนายเถอะครับ มีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวานนี้ 9 เม.ย.64 ศาลอาญาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 'หมอลำแบงก์' ตีประกัน 2 แสน ห้ามไปร่วมทำกิจกรรมให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันฯอีก-ห้ามออกนอกประเทศ แต่ไม่ปล่อย 'ไผ่ ดาวดิน-สมยศ' เหตุไม่ยอมลงลายมือชื่อในกระบวนพิจารณา แถมเขียนข้อความเพิ่มในรายงานศาล ด้าน 'เพนกวิ้น-อานนท์-รุ้ง-ไมค์-แอมมี่' ศาลยกคำร้อง ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง คงจะจำกันได้ว่าคดีนี้ หมอลำแบงก์-สมยศ-ไผ่ ดาวดิน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาศาลได้ไต่สวนคำร้องเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาโดยจำเลยทั้งสามได้แถลงต่อศาลว่าถ้าได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะไม่กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยถูกกล่าวหาตามฟ้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซ้ำอีก หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจทำให้เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์อีก นายเชาว์ ระบุด้วยว่า เหตุที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายสมยศและไผ่ ดาวดิน เพราะปรากฎข้อเท็จจริงเพิ่มเติมภายหลังว่าแม้จำเลยทั้งสองจะให้ถ้อยคำในชั้นไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว แต่กลับปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย.64 ศาลนัดสอบคำให้การตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 287/2 564 จำเลยทั้งสองไม่ยอมลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณาโดยไม่มีเหตุอันควร มีเพียงนายปฏิพัทธิ์ และทนายความเท่านั้นที่ลงลายมือชื่อ ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ อีกทั้งทนายความของนายสมยศ และนายจตุภัทร์ นำรายงานกระบวนพิจารณาไปเขียนข้อความเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ระบุว่า ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 22 ไม่ขอลงชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณา เนื่องจากไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณา กับมีพฤติการณ์จะไม่ยอมไปกำหนดวันนัดสืบพยานที่ศูนย์นัดความ และยื่นคำร้องขอถอนทนายความ ทำให้การกำหนดวันนัดสืบพยานเป็นไปด้วยความลำบาก เป็นอุปสรรค และก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดีในศาล ข้อความและคำแถลงของนายสมยศ และนายจตุภัทร์ ว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่แถลงไว้ต่อศาล จึงไม่น่าเชื่อถือว่าสามารถทำได้ ในชั้นนี้ศาลจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว การที่นายสมยศ และนายจตุภัทร์ ไม่ยอมลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณาโดยไม่มีเหตุอันควร อีกทั้ง ทนายความของนายสมยศ และนายจตุภัทร์ นำรายงานกระบวนพิจารณาไปเขียนข้อความเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ระบุว่า ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 22 ไม่ขอลงชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณา เนื่องจากไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณา กับมีพฤติการณ์จะไม่ยอมไปกำหนดวันนัดสืบพยานที่ศูนย์นัดความ และยื่นคำร้องขอถอนทนายความ ผมเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อรูปคดีใดๆเลยและเชื่อว่าถ้าไม่มีทนายความคิดให้จำเลยก็คงไม่ทำเช่นนี้ ซึ่งถ้าหากไม่เห็นด้วยกับรายงานกระบวนพิจารณาก็ยังมีช่องทางตามกฏหมายที่จะสามารถโต้แย้งคัดค้านหรือแถลง ข้อเท็จจริงใดๆติดสำนวนไว้ได้ ไม่ใช่มีพฤติกรรมที่สุ่มเสียงละเมิดอำนาจศาลเช่นนี้ แม้ต่อมาน.ส.เยาวลัษณ์ อนุพันธุ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงเหตุผล ต่อกรณีที่จำเลยไม่ลงลายมือชื่อในกระบวนการพิจารณา อีกทั้งมีการถอนทนายความออกจากคดีทั้งหมด ว่าสาเหตุเนื่องจากบรรยากาศกระบวนการในห้องพิจารณาคดีมีความผิดปกติ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำนวนมากเข้ามาในห้องพิจารณาคดีและคอยประกบตัวจำเลย ห้ามไม่ให้จำเลยมีการพูดคุยกับทนายความและญาติ อีกทั้งเมื่อทนายความจดข้อความลงในกระดาษเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็มาดึงกระดาษไปดู โดยไม่ขออนุญาตก่อน ทนายความจึงหารือกันว่าพฤติการณ์ดังกล่าว เข้าข่ายการละเมิด และทำให้บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีไม่เป็นมิตร ก็ยิ่งขัดก็ความเป็นจริงอย่าสิ้นเชิง ผมไม่เชื่อว่าจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนไหนจะกล้ามาดึงกระดาษจากทนายความไปดู ยิ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงก็สามารถที่จะแถลงต่อศาลถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ได้ทันที แต่เชื่อว่าการที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไปจำนวนมากก็เพราะต้องใช้มาตราการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเนื่องจากกลุ่มจำเลยมีพฤติกรรมที่กระด้างกระเดื่องต่อกระบวนการพิจารณาคดีของศาลและสถานการณ์โควิด-19 นั่นเองตามที่ศาลอาญาได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงไปเมื่อวานนี้ "ผมจึง ได้แต่สงสารพ่อแม่ผู้ปกครองของแกนนำม็อบที่พยามอ้อนวอนขอความเมตตาจากศาลให้ลูกได้รับการประกันตัวไปอยู่ในอ้อมกอด แต่การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลกลับสวนทางกับความเป็นจริง ทำแต่เรื่องไม่เข้าท่า ยิ่งสู้ ยิ่งแย่ ดังพฤติกรรมที่ศาลได้ให้เหตุผลไว้ในการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหมอลำแบงค์และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวนายสมยศและนายไผ่ ดาวดิน จึงอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ทบทวนแนวทางการต่อสู้คดีใหม่ ถ้าไม่อยากเห็นลูกอนาคตดับวูบอยู่ในคุก ให้เริ่มต้นจากยืนยันไม่ไปร่วมม็อบ 3 นิ้วไม่แตะต้องสถาบันไม่ทำผิดซ้ำซาก แบบนี้ถึงจะมีโอกาส อย่ายอมเป็นเครื่องมือ ให้คนที่ หวัง ได้ประโยชน์จาก สถานการณ์นี้เพราะ พวกที่แอบอยู่หลังเด็ก จ้องแต่ใช้ประโยชน์ไม่เคยเสี่ยงติดคุกเอง ลองใช้โอกาสที่ทนายความกลุ่มนี้ได้ขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายความให้กับจำเลยทั้งหมด เปลี่ยนทนายความคนใหม่ให้เข้ามาทำหน้าที่ดู ผมคิดว่าช่องทางที่จะออกจากคุกหรือเรือนจำน่าจะสว่างขึ้นไม่เชื่อลองถามทนายหมอลำแบงก์ดูสิครับ"นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย