เอพี ไทยแลนด์ ฟอร์มดีไม่มีตก ประเดิมผลงานรับต้นปี 64 ด้วยยอดขายรวมไตรมาสแรกที่มากถึง 7,966 ล้านบาท เป็นผลจาก 113 โครงการที่กระจายขายอยู่ทั่วประเทศ สะท้อนความแข็งแกร่งที่เกิดจากภายในควบคู่กับการบริหารพอร์ตและกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไตรมาส 2 สินค้าแนวราบยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งปี เตรียมเดินหน้าเปิดตัวแนวราบ 5 โครงการใหม่ พร้อมไม่หยุด ที่จะเตรียมองค์กรให้ตั้งรับกับกฎกติกาโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING’
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2 เชื่อว่ายังคงอยู่ในสภาวะที่รอการฟื้นตัว ทั้งในภาพของดีมานด์ที่ยังคงเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจ ด้านซัพพลายการเปิดตัวสินค้าใหม่ยังคงเกิดจากผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่รายในตลาดดังที่ผ่านมา สินค้าคอนโดมิเนียมคาดว่าเซนติเมนต์น่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับไปเหมือนก่อนเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ด้านสินค้าแนวราบยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ต่อเนื่องไปอีกปี
"ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 7,966 ล้านบาทจากอสังหาริมทรัพย์เครือเอพีที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 113 โครงการ (Exiting Projects) เพิ่มขึ้น 32% หากเทียบกับยอดขายไตรมาส 1 ของปี 2563 ที่ 6,045 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายที่มาจากสินค้าแนวราบมากถึง 7,293 ล้านบาท สะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อสินค้าบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมเครือเอพีที่กระจายครอบคลุมในพื้นที่เขต กทม. หรือการขยายตลาดใหม่ไปใน 5 จังหวัด อย่างขอนแก่น ระยอง นครศรีธรรมราช อยุธยา และเชียงราย จนสามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้อย่างโดดเด่นที่สุดท่ามกลางสภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้"
ทั้งนี้โอกาสรอดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางการต้องเผชิญกับสภาวะ Ripple Effect หรือปรากฎการณ์ระลอกคลื่น ความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19 นั้น นอกจากแผนการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแล้วนั้น การบริหารจัดการพอร์ตสินค้าให้มีสินค้าพร้อมขาย และกระจายไปในหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่นำมาซึ่งความสำเร็จในวันนี้ ควบคู่ไปกับการมี EMPOWER LIVING เป็นเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 2 บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าแนวราบจำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,660 ล้านบาท โดยทั้งหมดมีแผนจะเปิดขายในช่วงเดือนมิถุนายน แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,650 ล้านบาท ได้แก่ 1) CENTRO พหล-วิภาวดี 2 จำนวน 249 ยูนิต มูลค่า 1,250 ล้านบาท 2) CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก 3 จำนวน 43 ยูนิต มูลค่า 400 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,010 ล้านบาท ได้แก่ 3) Pleno บางนา-อ่อนนุช 2 จำนวน 233 ยูนิต มูลค่า 570 ล้านบาท 4) Pleno ปิ่นเกล้า-จรัญ 2 จำนวน 86 ยูนิต มูลค่า 330 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศ 5) District รามอินทรา-จตุโชติ จำนวน 20 ยูนิต มูลค่า 110 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2564 เอพี ไทยแลนด์ ตั้งเป้าจะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาอยู่ทั่วประเทศ145 โครงการ มูลค่าพร้อมขายกว่า 118,128 ล้านบาท โดยเป็นโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปี 2564 (New Launch Projects) จำนวน 34 โครงการ มูลค่าประมาณ 43,000 ล้านบาท (เปิดตัวแล้ว 2 โครงการมูลค่า 2,300 ล้านบาท) ซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 30 โครงการ มูลค่าประมาณ 28,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 14,200 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (Existing Projects) ที่กระจายไปในทุกทำเลทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดมากถึง 113 โครงการ มูลค่าสินค้าพร้อมขายประมาณ 77,428 ล้านบาท (รวมโครงการเปิดใหม่ของปี 2564 ที่ได้เปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ) โดยในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ (รวม 100% JV) 43,100 ล้านบาท และเป้ายอดขายที่ 35,500 ล้านบาท
โดยไตรมาส 1 บริษัทได้เปิดตัวโครงการไปแล้วจำนวน 2 โครงการคือ อภิทาวน์ เชียงราย และอภิทาวน์ อยุธยา มูลค่าโครงการรวม 2,300 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย ณ 31 มีนาคม 2564 สามารถขายได้แล้วกว่า 300 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าในตลาดหัวเมืองใหญ่ ที่มีต่อแบรนด์และอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การพัฒนาของเอพี