ดูเหมือนว่าสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่จะฉุดไม่อยู่ ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดคลัสเตอร์สถานบันเทิง ใน กทม. กระจายไปหลายพื้นที่ในหลายจังหวัด ล่าสุด นายชูวิทย์ กลมวิศิษฏ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงประเด็นดังกล่าว และยกให้เป็น ไทยคู่ฟ้าคลับ เพราะมีนักการเมืองใช้บริการจำนวนมาก โพสต์ระบุว่า ” “โควิดระบาดในผับ” ช่วงนี้โควิดมารอบ 3 เริ่มแพร่กระจายในผับ แถวทองหล่อ “คริสตัลคลับ” หรือจะเรียกว่า “ไทยคู่ฟ้าคลับ” เพราะมีทั้งระดับ รัฐมนตรี นักการเมือง ส.ส. ฝั่งรัฐบาล ทีมงาน ไปซ่องสุมจับก๊วนกับนักธุรกิจใหญ่ในห้อง VVIP ที่ลี้ลับหลบสายตา คุยโครงการพันล้านหมื่นล้านอวดเด็ก ต่อไปหากกลับมาเปิดอีก คงมีรอบ 4 รอบ 5 ขอบอกสำหรับคนไม่รู้ว่า พัฒนาการผับ บาร์ เลาจน์ บ่อน มันเอามารวมกันเป็น One Stop Service แล้ว เฟื่องฟูทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด เพราะ 1. ใบอนุญาตไม่ต้องมี แต่เคลียร์ถึงเป็นเปิดได้ ทั้งเต้น ทั้งโชว์ ทั้งดื่ม ทั้งดม ทั้งเล่น มีทั้งโซนผับ โซนห้องวีไอพี โซนคาราโอเกะลามไปจนถึงร้านอาหารญี่ปุ่น เปิดทั้งสองฝั่งเด็กเดินข้ามไปมากันครื้นเครง ต้องที่คริสตัลคลับเท่านั้น ส่วนอีกที่กระซิบค่อยๆ แถวรัชดา 2. แขกไปคืนหนึ่งหลายร้อยคน ศุกร์-เสาร์ร่วมพันคน ตั้งแต่วัยรุ่น วัยกลางคน ไปยันวัยดึกที่ยังคึกอยู่ หากเข้าห้องสูท เช็คบิลมามีไม่ต่ำกว่าแสน 3. ขยายกิจการใหญ่โต อีกสาขาชื่อ “เอ็มเมอรัล” แถวทองหล่อเหมือนกัน คนใหญ่คนโตไปคลายเครียดคุยกันเรื่องสัมปทาน ทั้งทหาร ตำรวจ หุ้นส่วนล้วนเส้นใหญ่มั๊กมากก เรื่องทำมาหากินไม่ได้ว่าอะไร แต่การควบคุมไม่มี โชว์แค่เครื่องวัดอุณหภูมิ พอเหยียบเข้าไปไม่มี Social Distancing เว้นระยะห่าง เพราะมัวแต่นัวเนียกับเด็ก หน้ากากอนามัยไม่มีใครใส่ เดี๋ยวดูหน้ากันไม่ชัด อย่างนี้ไม่ใช่แค่การ์ดตก แต่การ์ดร่วงเพราะถูกเงินสอย แออัดยัดทะนานกันเข้าไป แล้วพอเชื้อโควิดมาติด แพร่กระจายทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ประกอบกิจการอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย อย่างร้านอาหารต้องพลอยมาปิด 3 ทุ่ม แถมไม่ให้ขายแอลกอฮอล์ แทนที่ช่วงสงกรานต์จะพอทำกินได้บ้าง ก็ต้องปิดไป แม้จะฝืนเปิด ก็เหมือนปิด เพราะไม่มีลูกค้า ที่ผ่านมาเห็นอยู่แล้วว่าโควิดแพร่มาจากสถานบันเทิงหลายครั้งหลายครา ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ตอนนี้ปิดเดี๋ยวก็เปิดใหม่ แล้วก็ติดอีก นี่ปาไป รอบสามแล้ว ส่วนวัคซีนก็มาช้า มาน้อย โรงพยาบาลเอกชนก็สั่งเองไม่ได้ ต้องสั่งผ่านรัฐบาล แล้วยังจำกัดยี่ห้อโน้นยี่ห้อนี้เสียอีก เรื่องมากเหลือหลาย ต่อไปวิธีการง่ายๆ ที่ได้ผล คือ จำกัดคนเข้าไปในแต่ละผับคลับบาร์ ตามพื้นที่ตารางเมตร ว่าพื้นที่ขนาดนี้เข้าได้กี่คน และให้เข้าแถวเรียงเข้านับคน หากเกินกว่าที่ระบุ ก็ให้รอจนกว่าจะมีคนออก ค่อยเข้าได้ เหมือนต่างประเทศ จริงๆ มาตรการมีอยู่ แต่ไม่มีใครปฏิบัติ เพราะหากเงยหน้าดูหุ้นส่วนแต่ละคนก็หนาวไส้แล้ว ตอนนี้หากจะให้ดี นั่งกินเหล้าที่บ้านฉลองสงกรานต์เอาก็แล้วกัน แล้วให้เมียเต้นโคโยตี้ให้ดูแทน เงินทองไม่รั่วไหล โควิดไม่ติดไปถึงลูกหลาน”