"ไทย"ประเทศแรกในเอเชีย ประกาศแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เผยส่งรายงานถึงสหรัฐฯแล้ว ลุ้นขยับขึ้น"เทียร์ 1" ปราบปรามค้ามนุษย์ มิ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.64 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อเนื่องครอบคลุมทุกมิติ โดยรัฐบาลตั้งเป้าจะได้รับการประเมินผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือทิปรีพอร์ต (Trafficking in Persons Report:TIP Report) จากสหรัฐฯให้อยู่ในระดับเทียร์ 1 หมายถึงประเทศที่ดำเนินการสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายของสหรัฐฯ ในการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายการต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งประเทศไทยขณะนี้อยู่เทียร์ 2 มาเป็นเวลา 3 ปีต่อเนื่อง แสดงถึงการเป็นประเทศที่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาและตรวจสอบการลักลอบค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ดีขึ้นจากก่อนหน้าที่เคยอยู่เทียร์ 2 แบบต้องจับตา (Watch list) และเทียร์ 3 ซึ่งหมายถึงประเทศที่ไม่มีความพยายามแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดส่งรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย (ทิปรีพอร์ต) ประจำปี พ.ศ.2563ให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 2 ก.พ.64 และตามด้วยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงาน (ช่วงม.ค.-มี.ค.64 ) เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีแล้ว สาระของรายงานแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นการขยายและต่อยอดการดำเนินงานจากปีก่อนๆ อาทิ สถิติการดำเนินการจับกุมและการลงโทษทางกฎหมาย การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่ประกาศใช้แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน การพิจารณาคดีค้ามนุษย์ในชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล มีความรวดเร็วขึ้นเช่น ในชั้นพนักงานสอบสวน ระยะเวลาในการทำสำนวนการสอบสวนคดีค้ามนุษย์ลดลง จาก 118 วันในปี 2558 เหลือ 70 วันในปี 2563 มากไปกว่านั้น ยังมีการเตรียมการดูแลกลุ่มผู้เสียหายที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่ประสบปัญหาจากการทำงาน ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งผลงานสำคัญและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัลคือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันการค้ามนุษย์ ผ่านแอปพลิเคชัน 'PROTECT-U' ซึ่งเป็นช่องทางแจ้งเหตุและช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ใช้ได้ถึง 7 ภาษา ประกอบด้วย ไทย จีน อังกฤษ เมียนมา เขมร ลาว เวียดนาม จีน และไทย และได้เดินหน้าขยายการใช้งานให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เสี่ยง พัฒนามาตรการความร่วมมือเพื่อการคุ้มครองผู้เสียหายกับประเทศต้นทางและปลายทางอย่างต่อเนื่อง
"นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นๆ ซึ่งคำว่าทุกภาคส่วนนี้ นายกฯครอบคลุมถึงภาคประชาสังคมที่เป็นอีกกลไกสำคัญในการแจ้งข้อมูลและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย รวมถึงตรวจสอบติดตามการทำงานของกลไกราชการ และในโอกาสนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนดาวน์โหลด แอปพลิเคชั่น 'PROTECT-U' เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือกันแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ " รองโฆษกฯกล่าว