นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการช่วยเหลือประชาชนผ่านระบบอีเพย์เมนต์ที่รัฐบาลโอนเงินช่วยเหลือให้ประชาชนผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังหลายโครงการในสถานการณ์โควิด-19 ช่วงที่ผ่านมาพบว่าประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเรียนรู้การใช้จ่ายเงินผ่านระบบอีเพย์เมนต์ได้รวดเร็ว ซึ่งข้อมูลที่ได้รับทางรัฐบาลกำลังพัฒนาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งที่กำลังศึกษา คือ อาจจะให้ประชาชนปล่อยกู้ระหว่างกันเองผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และประชาชนที่มีเงินออมเพียงพอที่จะสามารถปล่อยกู้และรับความเสี่ยงได้ก็ใช้ช่องทางนี้ปล่อยเงินกู้ได้ตามกฎหมายที่รัฐบาลกำหนด ทั้งนี้รูปแบบดังกล่าวทางประเทศจีนมีการดำเนินการโดยบริษัท Alibaba มีบริษัทลูกที่ดำเนินการในเรื่องนี้ โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยวิเคราะห์เครดิตของผู้กู้เงินทำให้การปล่อยกู้เงินผ่านระบบแอปพลิเคชั่นสามารถทำได้ สำหรับกลไกของเมืองไทยที่จะนำมารองรับในเรื่องนี้ ทางภาครัฐอาจจะมีหน่วยงานกลางอาจจะเป็นรูปแบบสถาบันขึ้นมาช่วยรับประกันการปล่อยเงินกู้บางส่วน โดยประชาชนที่มาปล่อยกู้ผ่านช่องทางนี้จะต้องรับความเสี่ยงเองบางส่วน แต่ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่สูงตามอัตราความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น สำหรับการส่งเสริมการลงทุนเรื่องของศูนย์กลางฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Center) ในอาเซียนซึ่งเป็นข้อเสนอของภาคเอกชนนั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพที่จะรองรับการลงทุนได้ เนื่องจากมีทั้งพื้นที่และไฟฟ้าเพียงพอที่จะรับการลงทุนดังกล่าว อย่างไรก็ตามอาจจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายบางส่วนโดยศึกษาจากประเทศสิงคโปร์ว่าสามารถลงทุนในเรื่องนี้ได้อย่างไร เช่น กฎหมายการคุ้มครองข้อมูลทางธุรกิจ และสิทธิประโยชน์ในเรื่องภาษี ต้องสามารถที่จะแข่งขันในการลงทุนในส่วนนี้ได้ด้วย