ความคืบหน้าเหตุบ้านที่เกิดเพลิงไหม้พังถล่มลงมาทับเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย เหตุเกิดย่านพุทธมณฑลสาย 3 ล่าสุดเจ้าหน้าที่อาสาป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ้ง ร่วมกตัญญู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงเร่งให้การช่วยเหลือผู้ที่ติดใต้ซากอาคารอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ายังมีอาสากู้ภัยติดภายในอย่างน้อย 7 ราย บางรายเจ้าหน้าที่ยังมีชีวิตและสื่อสารกับทีมช่วยเหลือได้ ติดเนื่องจากติดอยู่ใต้ซากอิฐปูนที่มีน้ำหนักขนาดใหญ่ทำให้ยังไม่สามารถช่วยออกมาได้ต้องใช้เครื่องจักรในการตัดเหล็กและเจาะแท่งปูนเพื่อช่วยออกมา ซึ่งการช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดพื้นที่บริเวณโดยรอบและไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ทีมช่วยเหลือ ขณะเดียวกันได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. ทั้งผู้เชี่ยวชาญจากทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาให้คำปรึกษา และตรวจสอบโครงสร้างของอาคาร เนื่องจากทีมช่วยเหลือต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดความสูญเสียอีก สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ยืนยันได้ตอนนี้ คือ 4 ราย เป็นเจ้าหน้าที่อาสาที่เข้าช่วยเหลือแต่ถูกอาคารถล่มทับ 3 ราย และผู้ที่ติดค้างช่วยเหลือไม่ทัน 1 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาส่วนหนึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่สาเหตุต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ( พฐ.) เข้าตรวจสอบอีกครั้ง หลังก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ มีพยานได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดอยู่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่กำลังสร้างใหม่และปล่อยให้เช่า ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ โดยได้ร่วมประชุมวางแผนกับทีมช่วยเหลือ พร้อมระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยการโดรนบินจับความร้อนหาผู้ที่ติดภายใต้ซากอาคารพบว่าภายในอาคารยังมีความร้อนสูง ส่วนผู้ติดภายในเบื้องต้นคาดว่า 4 ราย เป็นเจ้าของบ้าน 1 ราย ติดอยู่ในห้องน้ำคาดว่าเสียชีวิต ส่วนเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยคาดว่าอย่างน้อยติดอยู่ 3 ราย ยืนยันเสียชีวิต 2 ราย ส่วนอีก 1 รายยังมีสัญญาณชีพ และอยู่ระหว่างการประเมินว่ามีผู้ติดอยู่อีกหรือไม่ พร้อมขอให้ทีมกู้ภัยหน่วยต่างๆ เร่งตรวจสอบรายชื่ออาสาที่มาปฏิบัติหน้าที่ว่ามีใครหายไปหรือไม่ เพื่อเป็นการตรวจสอบว่ายังมีใครติดอยู่ภายในอีกทางหนึ่ง พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้ที่ยังมีชีวิตออกมาให้ได้ก่อน ส่วนผู้เสียชีวิตยืนยันแล้วค่อยนำออกมาทีหลัง พร้อมยอมรับว่า การช่วยเหลือโดยเฉพาะการใช้เครื่องจักรหนักเข้ามา เกรงจะเป็นอันตรายกับผู้ที่ติดอยู่ภายในและยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากส่วนมากติดอยู่ชั้น 1 หากมีการยกเศษซากออกจะส่งผลต่อส่วนอื่นๆ ให้ถล่มอีก จึงต้องมีการประชุมวางแผนกับผู้เชี่ยวชาญ ขณะเดียวกันก็ต้องแข่งกับเวลาเพราะภายในอาคารยังมีไฟปะทุและมีความร้อนสูง ด้านนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า มีผู้ติดอยู่ภายในอาคารจำนวนหนึ่ง ปภ. ได้ส่งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue : USAR) จำนวน 10 นาย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการเผชิญเหตุและช่วยเหลือกรณีอาคารถล่ม พร้อมนำเครื่องมืออุปกรณ์ด้านการค้นหาและกู้ภัยแบบพิเศษเข้าสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ขณะนี้ชุด USAR Team เข้าถึงพื้นที่และเริ่มปฏิบัติการเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารแล้ว